ล้างบางธุรกิจทหาร ทำได้หรือไม่เดี๋ยวรู้

2020-02-12 15:50:46

ล้างบางธุรกิจทหาร ทำได้หรือไม่เดี๋ยวรู้

Advertisement

คงผิดหวังพอสมควร สำหรับสื่อบางคนบางสำนัก รวมถึงผู้คนจำนวนหนึ่งที่ไม่ปลื้มเหล่าทัพและพยายามอาศัยโศกนาฏกรรมหมู่ที่โคราช กดดันหวังให้ "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ลาออกจาก ผบ.ทบ.


เมื่อการแถลงของผู้นำสูงสุดในกองทัพบก ไม่มีคำว่า "ลาออก" เพื่อรับผิดชอบ จากกรณีสิบเอกแห่งค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ปฏิบัติการโหดสังหารคนบริสุทธิ์ไปถึง 29 ราย บาดเจ็บอีก 58 ราย

"ตั้งแต่นาทีลั่นไก เขาไม่ใช่ทหารอีกแล้ว" คือหนึ่งในวรรคทองวันนั้น

สิ่งที่เป็นประเด็นและน่าสนใจอย่างยิ่งคือการประกาศจัดระเบียบและล้างบางผลประโยชน์ในค่ายทหาร ซึ่งมีดำรงอยู่ยาวนาน ทั้งยังส่วนใหญ่ยังเปิดเผย ไม่ค่อยมีซ่อนเร้นอีกต่างหาก

ไม่ว่าจะเรื่องซื้ออาวุธปืนของทหาร ทั้งที่มีปืนของหลวงอยู่แล้ว ทหารไม่จำเป็นต้องซื้อเป็นของตนเอง แต่เนื่องจากมีปืนสวัสดิการจากหลายหน่วยงานมาล่อตาล่อใจ การซื้อหาจึงเป็นเรื่องง่ายเพราะแค่นายพันทหารก็เซ็นอนุมัติได้ ก่อเกิดช่องทางอาชีพนายหน้าผู้ค้าปืนวิ่งเข้าหาเสนอผลประโยชน์แบบหล่นใส่เท้า

เรื่องโครงการสวัสดิการเงินกู้ของทหาร โดยมี "เงินทอน" ยั่วยวนใจให้ทหารระดับล่างเข้าไปติดกับดักและเป็นเหยื่อ เป็นอีกหนึ่งกิจการที่ทำกันเป็นล่ำเป็นสันในค่ายทหาร รวมถึง การจัดสรรที่ดิน หรือบ้านพร้อมที่ดิน อย่างกรณีที่โคราช ซึ่งการกู้เงินจะมีทั้งเงินส่วนต่างที่จะได้รับ และเงินค่านายหน้ากรณีหาลูกค้ารายอื่นมาให้ สุดท้ายด้วยระบบของทหาร ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่เพียงเสียเปรียบเท่านั้น ยังมีโอกาสโดนเบี้ยว หรือถูกดึงเวลาออกไปเรื่อยๆ โดยทำอะไรผู้บังคับบัญชา หรือญาติๆของผู้บังคับบัญชาที่เข้ามาจัดการแทนไม่ได้

เป็นผลพวงจากวัฒนธรรม "รับสวัสดิการจากกองทัพจนตาย" แม้จะเกษียณอายุราชการไปแล้ว สวัสดิการต่างๆก็ยังมีอยู่ตามเดิม รวมถึงบ้านพักในค่ายทหาร ส่งผลให้บ้านพักทหาร ซึ่งฟังจาก "บิ๊กแดง" แถลงยืนยันว่ามีเพียงพอ แต่ในทางปฏิบัติไม่เพียงพอ ทหารชั้นผู้น้อยต้องไปเช่าบ้านอยู่นอกค่าย และต้องหาหนทางซื้อบ้านเป็นของตนเอง สุดท้าย จึงกลายเป็นเหยื่อในโครงการสวัสดิการเงินกู้ดังกล่าว

คำประกาศ "ขับ" ทหารเกษียณออกจากบ้านพักทหาร จึงเป็นสิ่ง "สุดฮือฮา" ในวงการสีเขียว เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า บรรดา "บิ๊กๆ" ในแวดวงทหาร ส่วนใหญ่ยังคงพักอาศัยอยู่ใน "บ้านหลวง" แม้จะเลยเกษียณไปแล้วก็ตามที

เรื่องจัดมาตรฐานและมาตรการคลังแสงที่เก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ของทหาร เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อึงมี่ เพราะควรจะมีมาตรฐานสูงเหมือนคลังแสงในต่างประเทศ แต่ของไทยกลับหละหลวม ปล่อยให้ทหารยศจ่าสิบเอกบุกเดี่ยวเข้าไปปล้นเอาอาวุธสงครามอานุภาพรุนแรงออกไปสังหารโหดผู้คนข้างนอกได้โดยง่าย อีกทั้งประเด็นต้องกำหนดประเภทอาวุธที่ต้องเก็บรักษา ไม่ควรมีอาวุธร้ายแรง อาทิ ปืนกลคาริเบอร์ หรือ เอ็ม 60 ที่มีกระสุนหลายแบบรวมทั้งกระสุนเจาะเกราะ ซึ่งแค่ชื่อก็ชัดเจนว่า อานุภาพทะลุทะลวงได้มากแค่ไหน

การจัดระเบียบคลังแสงและยกระดับมาตรฐานเพิ่มขึ้น ยังจะเป็นผลดีต่อการดูแลรักษาและแยกแยะยุทโธปกรณ์ที่มีความสุ่มเสี่ยง ป้องกันคลังแสงระเบิดเหมือนที่เกิดขึ้นที่ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2544

เรื่องยกเครื่องช่องทางการร้องเรียนของทหารชั้นผู้น้อย เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า สามารถเข้าถึงและได้รับความเป็นธรรมในระบบของทหารได้อย่างแน่นอน เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะช่วยป้องกันปัญหาการก่อเหตุด้วยความรุนแรง เพราะถูกกดดันไร้ทางออก รวมกระทั่งข่าวเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำปมปริศนาของทหารเกณฑ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าได้ เพราะผู้ใต้บังบัญชา ไม่สามารถร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากครูฝึก หรือผู้บังคับบัญชาได้แม้แต่น้อย คำประกาศพร้อมให้ร้องเรียนได้โดยตรงไปยัง ผบ.ทบ. พร้อมรับประกันปกปิดผู้ร้อง เท่ากับรับการันตีความปลอดภัยไม่มีรายการ "ซ่อม" หรือ "ธำรงวินัย" แถมท้ายตามมาให้หวาดกลัวอีก

อีกเรื่องที่ท้าทายและถือเป็นการพัฒนากองทัพ คือความเข้มข้นในการคัดเลือกคนที่จะเป็นผู้บังคับบัญชาในหน่วยงานต่างๆของกองทัพ ที่ต้องเริ่มจากบังคับบัญชาตนเองให้ได้ก่อน ไม่ปล่อยตัวให้อ้วน ไร้ความรู้ ไม่ขวนขวายเรียนรู้เรื่องภาษาอังกฤษ ไม่พัฒนาตนเอง และคำตอกย้ำ อีก 3 เดือนนับจากนี้ จะมีนายพลนายพันหลายคนไม่มีงานทำ ประโยคนี้ยิ่งเพิ่มแรงสะดุ้งทั้งวงการ

เพราะ 3 เดือนนับจากนี้ จะเป็นช่วงเดือนเมษายน ซึ่งตรงกับฤดูโยกย้ายกลางปีพอดิบพอดี และหากเป็นไปตามนี้ อาจมีการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งใหญ่ก็เป็นได้ ต่างจากปกติทั่วไป การโยกย้ายกลางปีจะมีไม่กี่ตำแหน่ง และไม่ใช่ตำแหน่งหลัก

ไม่แน่นัก ไฮไลท์ปีนี้ อาจมีตำแหน่งใหญ่ในกองทัพภาค 2 พื้นที่ก่อเหตุ โศกนาฏกรรมที่โคราช 30 ศพ รวมอยู่ด้วยก็เป็นได้

ทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่ผู้คนทั่วไปคงต้องจับตามอง ขณะที่คนในกองทัพอาจต้องลุ้นระทึก เพราะนัยคำแถลงของ "บิ๊กแดง" เป็นเสมือนการปฏิรูปกองทัพครั้งใหญ่ หลังถูกท้าทายมาจากฝ่ายการเมืองที่ชูนโยบายจะปฏิรูปกองทัพมาตลอด โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่กับพรรคเสรีรวมไทย

จึงต้องชิงปฏิรูปตัวเองก่อน แต่จะทำได้จริงแค่ไหน เพราะเจ้าตัวเหลืออายุราชการเพียงไม่ถึง 8 เดือน แต่อีกไม่นานได้รู้แน่

ผลประโยชน์แวดวงสีเขียว มีน้อยเสียเมื่อไหร่!