ผบ.ทบ. ยอมรับเป็นคนมีอารมณ์อ่อนไหวกับเรื่องละเอียดอ่อนแถลงข่าวทั้งน้ำตาพูดจากใจ ยอมรับเสียใจสูญเสีย “พลทหารเมธา เลิศศิริ” เสียชีวิตระหว่างยืนยามรักษาการณ์ ระบุมีกำลังใจดีขึ้นได้ผ่อนคลายสิ่งที่รู้สึกตั้งแต่วันเกิดเหตุกราดยิง
เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.นำนายทหารระดับสูงของกองทัพบกทดสอบร่างกายประจำปี 2563 โดย พล.อ.อภิรัชต์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ร่างกายไม่ค่อยเต็มที่ เพราะไม่ได้นอนมา 3 คืน จากนั้นได้เข้าทดสอบ ดันพื้น 2 นาที ได้ 33 ครั้ง คิดเป็น 77 เปอร์เซ็นต์ ลุกนั่ง 2 นาที ได้ 60 ครั้ง คิดเป็น 94 เปอร์เซ็นต์ และวิ่ง 2 กม. คิดเป็น 87 เปอร์เซ็นต์
พล.อ.อภิรัชต์ ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวถึงกระแสหลังแถลงข่าวกรณีเหตุกราดยิงเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ว่า ถือว่าดี คิดว่าสื่อมีความเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียนทั้งประเทศ ในส่วนของกองทัพบกก็แสดงความเสียใจ และความรับผิดชอบไปแล้ว แต่ในสื่อออนไลน์ก็ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ก็เป็นเรื่องปกติ อะไรที่ไม่ดียอมรับ แต่อย่ามาตีซ้ำตีซ้อน ตนแก้ไข ไม่ใช่ไม่ทำ ไม่ใช่พูดอย่างเดียวแล้วไม่ทำ พยายามแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด และแบกรับผลกระทบจากกำลังพลที่ทั้งไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะวัตถุประสงค์คือกองทัพบกต้องอยู่
“ผมไม่มีอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก แต่ได้รับแต่ข้อความจากโทรศัพท์มือถือ ในส่วนของภริยาและบุตร ก็ต้องปิดโซเชียลมีเดียไปเลย เป็นผลกระทบที่เกิดจากผม ทำให้บุคคลใกล้ชิดและครอบครัวได้รับผลกระทบไปด้วย แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา ผมมองว่าวิกฤตินี้ไม่ควรลืมไปง่ายๆ เราควรหันมารักใคร่กลมเกลียวสามัคคีกัน หันหน้าเข้าหากัน มองผลประโยชน์ของประเทศชาติและความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก อย่ามุ่งแต่คนนั้นดีคนนั้นเก่ง คนโน่นไม่ดี สิ่งไม่ดีก็ช่วยกันแนะนำแก้ไข ตอนนี้มีกำลังใจดี เมื่อวานได้ผ่อนคลายในสิ่งที่รู้สึกตั้งแต่วันเกิดเหตุ และได้แสดงความรับผิดชอบ ผมพูดจากใจ อาจจะมีคนไปตีว่าเป็นอารมณ์บ้างแต่ทุกอย่างมาจากใจ” ผบ.ทบ. กล่าว
ต่อข้อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ถูกมองเรื่องแถลงข่าวทั้งน้ำตา ผบ.ทบ. กล่าวว่า ตนเป็นคนมีอารมณ์อ่อนไหวกับเรื่องละเอียดอ่อน สิ่งที่เสียใจที่สุดคือการสูญเสียผู้ปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะพลทหารเมธา เลิศศิริ ที่ไม่มีใครกล่าวถึงว่าเขาเสียชีวิตระหว่างยืนยามรักษาการณ์ แต่ไปมองว่ากองทัพหละหลวม ถามว่าถ้าหละหลวมจะมียืนยามรักษาการณ์อยู่ไหม คนทำงานด้วยกันเห็นหน้ากันทุกวันใครจะไปรู้ ใครจะไปเฉลียวใจ
ผบ.ทบ.ยอมรับว่ากองทัพบก มีกำลังพลเป็นจำนวนมาก เดี๋ยวก็ต้องเลย์ออฟออกไป มีมากก็ไม่ต้องทำงาน ตนเอาจริงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเด็กใคร ค่ายไหนไม่สน อย่ามาอ้าง ทุกวันนี้การมาฝากเป็นโน่นเป็นนี่ ตนให้ 99 เปอร์เซ็นต์ที่จะไม่มีตรงนี้ อาจจะมีจดหมายหลุดมาบ้าง ถือว่ากล้าหาญมากที่ทำ แต่ตนก็พิจารณาถ้าไม่ดี คนเสนอต้องรับผิดชอบ
ต่อข้อถามถึงการลงนามร่วมกับกระทรวงการคลังในเรื่องทรัพย์สินราชพัสดุ ผบ.ทบ. กล่าวว่า ในส่วนของขั้นตอนจะนำเรื่องที่เป็นสวัสดิการดั้งเดิมของกองทัพบก เช่น สนามกอล์ฟ โรงแรม สนามมวย ไปหารือกับกระทรวงการคลัง ซึ่งขณะนี้ได้ข้อยุติแล้วว่าจะเริ่มดำเนินการที่ใดบ้าง เพราะต้องเริ่มเป็นเฟสหรือระยะ โดยเฟสที่1 เริ่มต้นที่อาคารรับรองสวนสนประดิพัทธ์ สนามกอล์ฟ สนามมวย จะมีการบันทึกเอ็มโอยูกับกระทรวงการคลัง เพื่อเป็นสวัสดิการเชิงพาณิชย์และเป็นไปตามกฎหมาย หมายความว่าได้รับที่ไหนมาก็ต้องแบ่งให้กระทรวงการคลัง จากนั้นกระทรวงการคลังก็จะพิจารณาสัดส่วนคืนให้เป็นสวัสดิการของกองทัพบก ซึ่งก็จะนำเข้ากองทุนสวัสดิการกองทัพบกต่อไป ทั้งนี้การบริหารจัดการทั้งหมดจะให้เอกชนเข้ามาดำเนินการมากกว่าจะใช้ทหาร เพราะมีความเป็นมืออาชีพ เนื่องจากเราไม่ได้เรียนการโรงแรม ไม่ได้เรียนการบริหารจัดการมา แต่เรามีบุคลากรที่ยังทำงานอยู่