สธ.เผยมีคนไทยกลับจากอู่ฮั่นมีอาการเข้าเกณฑ์ต้องแยกไปดูแลในห้องแยกโรค 1 รายพร้อมเพื่อนร่วมห้องอีก 1 ราย เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019
เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงถึงสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า ตอนนี้ผู้ป่วยยืนยันในไทยคงที่ 25 ราย รักษาหายแล้ว 9 ราย ยังอยู่ในรพ. 16 ราย อาการดีขึ้นเรื่อยๆ หลายรายรอผลตรวจครั้งสุดท้ายว่าเป็นลบก็แพคกระเป๋ากลับบ้านได้ ส่วนผู้ป่วยชายไทยที่อาการรุนแรงเพราะมีโรควัณโรคร่วมด้วยอาการทรงๆ แพทย์ต้องดูแลใกล้ชิด ส่วนคนไทยที่รับตัวกลับมาจากอู่ฮั่น 138 คน ที่พบว่ามีไข้ต้องแยกตัวไปห้องแยกโรค 4 ราย ตอนนี้อาการดีขึ้น ผลตรวจแล็บไม่พบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 แต่รอผลแล็บยืนยันอีกครั้งถ้าออกมาเป็นลบก็จะให้ออกจากห้องแยกโรคและกลับมาอยู่ในพื้นที่ควบคุมโรคที่ฐานทัพเรือสัตหีบกับคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ในจำนวนคนที่เดินทางกลับมาจากอู่ฮั่นวันนี้พบคนที่มีอาการเข้าเกณฑ์ต้องแยกไปดูแลในห้องแยกโรค 1 ราย แต่เนื่องจากรายนี้มีคนที่อยู่ร่วมห้องอีก 1 คน จึงต้องนำเข้าห้องแยกโรคเพื่อตรวจหาการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เช่นกัน
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสมตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.-6 ก.พ. อยู่ที่ 615 ราย กลับบ้านได้แล้ว 225 ราย ยังอยู่รพ. 390 ราย ส่วนที่เรียกลูกเรือการบินไทยเที่ยวบินภูเก็ต –สุวรรณภูมิ มากักโรค 14 วัน เพื่อรอดูอาการเนื่องจากในเที่ยวบินนี้พบผู้ติดเชื้อ แต่จนถึงตอนนี้คือพ้นระยะฟักตัวของโรคแล้ว ทุกคนไม่มีการติดเชื้อ ทั้งนี้ปัจจุบัน สถานการณ์ผู้ป่วยทั่วโลกมากที่สุดยังอยู่ที่ประเทศจีน ส่วนประเทศไทยเดิมมีผู้ป่วยเป็นอันดับ 2 จากจีน ก็ลงมาอยู่ที่อันดับ 4 และไม่มีผู้เสียชีวิต สะท้อนถึงมาตรการควบคุมป้องกันโรคที่เป็นมาตรฐานของไทย รวมถึงความร่วมมือของคนไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนกรณีที่รองนายกฯ ไปแจกหน้ากากและมีการปฏิเสธไม่รับหน้ากากอนามัยนั้น ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่เรียนว่าแต่ละคนมีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อแตกต่างกัน การสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อโรคถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากการตรวจสุขภาพจิตคนไทยที่ถูกรับตัวมาจากอู่ฮั่น 138 คน พบว่าไม่มีความเครียด ไม่มีความเสี่ยงซึมเศร้า หรือเสี่ยงฆ่าตัวตาย แม้ว่าในจำนวนนี้จะมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอยู่ 3 ราย แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ปรับตัวได้ดี ยิ่งตอนนี้ได้รับโทรศัพท์มือถือคืนแล้วจะช่วยให้ทุกคนคลายเครียดได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามจิตแพทย์จะติดตามต่อเนื่องในระยะ 2 สัปดาห์ และ 6 เดือน ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้พบผู้เข้าร่วมประชุมการประชุมด้านธุรกิจระดับนานาชาติที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอตต์ สิงคโปร์ เมื่อกลางเดือนม.ค. ที่ผ่านมา เริ่มป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทางไทยได้ตรวจสอบและติดตามว่ามีคนไทยเข้าร่วมหรือไม่ นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ตอนนี้มี 2 ประเทศที่มีผู้ป่วยเป็นกลุ่ม คือที่ญี่ปุ่นที่กักตัวผู้โดยสารบนเรือสำราญกว่า 3 พันคน เพราะมีการติดเชื้อฯ หลายสิบราย กับที่ประเทศสิงคโปร์จากการประชุมดังกล่าว ที่มีคนร่วมประชุมจากหลายประเทศเริ่มป่วยติดเชื้อฯ อาทิ เกาหลี และมาเลเซีย แต่ก็ยังเป็นกลุ่มเล็กๆ ส่วนไทยเองยังใช้มาตรการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น ซึ่งตอนนี้เราแจ้งต่อคนไทยทุกคนที่เคยสัมผัสกับคนจีน ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสในประเทศ หรือสัมผัสในต่างประเทศถือว่าอยู่ในข่ายเฝ้าระวังหากมีอาการจะทำให้เราจัดการได้เร็ว
เมื่อถามว่าขณะนี้มีหน้ากากอนามัยออกมาหลายรูปแบบ บางชนิดบางมากๆ จนประชาชนตั้งคำถามถึงคุณภาพในการป้องกันเชื้อโรค นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า การแพร่ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ มาจากการไอ จาม จะได้ประโยชน์มากหากคนป่วยสวมหน้ากากอนามัย และแยกตัวออกจากกลุ่มคน ส่วนคนที่ไม่ป่วยการสวมหน้ากากก็เพื่อลดการได้สัมผัสกับละอองน้ำลายตรงๆ จริงๆ เราแนะนำถึงขั้นว่าสามารถใช้เป็นหน้ากากผ้า แม้ว่าจะช่วยลดความเสี่ยงลงไม่ถึงเป็นศูนย์ แต่ก็ช่วยได้ เพราะฉะนั้นขอให้สวมหน้ากากอนามัยเถอะ
นพ.ธนรักษ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสที่ยังอยู่ในรพ. 16 ราย มีประมาณ 2-3 ราย ที่รอกลับบ้าน คาดว่าวันนี้จะให้กลับบ้าน 1 ราย