วุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งพรรครัฐบาล รีพับลิกัน ครองเสียงข้างมาก ลงมติคัดค้านการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง แม้จะมีสมาชิกพรรครีพับลิกัน 1 รายโหวตสวนมติพรรค ยกมือเข้าข้างพรรคเดโมแครต ในข้อหาทรัมป์ใช้อำนาจโดยมิชอบ
การประชุมของวุฒิสภาสหรัฐ ในอาคารสภาคองเกรส กรุงวอชิงตัน เมื่อวันพุธ (5 ก.พ.) มีการถกอภิปรายวาระสุดท้าย ในญัตติให้ถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง ตามข้อกล่าวหาใช้อำนาจโดยมิชอบและขัดขวางการทำงานของสภาคองเกรส จากการสั่งระงับเงินสนับสนุนกองทัพยูเครน เพื่อกดดันให้รื้อฟื้นการสอบสวนทุจริต ต่อนายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของอดีตรองประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน ผู้สมัครตัวเก็ง ในการแข่งขันชิงเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ที่เข้าไปลงทุนด้านพลังงานในยูเครน
การลงมติหลังการอภิปรายของสภาสูง ปรากฏว่าเป็นไปตามคาด มติตามข้อกล่าวหาแรก ทรัมป์ใช้อำนาจโดยมิชอบ ที่ประชุมมีมติคัดค้านข้อกล่าวหา 52 ต่อ 48 เสียง แต่มีสมาชิกพรรครีพับลิกัน 1 เสียงคือ นายมิตต์ รอมนีย์ สมาชิกวุฒิสภาจากรัฐยูทาห์ ลงมติเข้าข้างพรรคเดโมแครต
ส่วนข้อกล่าวหาที่ 2 ทรัมป์ขัดขวางการทำงานของสภาคองเกรส ผลมติอยู่ที่ 53 ต่อ 47 เสียง เท่ากับจำนวนสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด ของทั้งสองพรรค ซึ่งหมายถึงรอมนีย์ลงมติเห็นด้วยกับพรรครีพับลิกันในประเด็นนี้
หลังการลงมติ นายจอห์น โรเบิร์ต ประธานศาลฎีกาสหรัฐ ประกาศว่าวุฒิสภาลงความเห็นด้วยเสียงข้างมาก ว่าทรัมป์ "ไม่มีความผิด" ตามข้อกล่าวหาทั้ง 2 ข้อ
กระบวนการถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่ง โดยสภานิติบัญญัติ หรือ อิมพีชเมนต์ ก่อนหน้านี้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษรสหรัฐ ซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก มีมติให้ถอดถอนทรัมป์ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ก่อนจะยื่นเสนอต่อวุฒิสภาให้พิจารณาและลงมติต่อ ซึ่งผลก็ออกมาดังกล่าว.