“ทนายตั้ม” แจ้งความกลับ! รอง ผกก.ไม่รับมอบตัว (คลิป)

2020-02-06 17:15:50

“ทนายตั้ม” แจ้งความกลับ! รอง ผกก.ไม่รับมอบตัว  (คลิป)

Advertisement

“ทนายตั้ม” ฉุน! แจ้งความกลับตำรวจระดับรอง ผกก.ไม่รับมอบตัว ละเลย ม. 157 เชื่อยังโดนอีกหลายคดี

หลังจากที่เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 6 ก.พ. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยมี พ.ต.ท.พีรวุฒิ พีระวุฒิพันธุ์ รองผู้กำกับการสอบสวนฯ หัวหน้าสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน เป็นผู้รับมอบตัว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้เวลาในการสอบปากคำทนายษิทรา นานกว่า 3 ชั่วโมง ในคดีที่เกี่ยวกับยาเสพติดมาตรา 100/2 ข้อหา “นำสืบพยานหลักฐานเท็จ” จนในที่สุดก็แล้วเสร็จ ส่วนทางด้านทีมงานทนายษิทรานั้น ก็ได้หอบเงินสดมาเตรียมพร้อมขอยื่นประกันตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อนุมัติให้ประกันตัวไปในวงเงิน 100,000 บาท




ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากที่ทนายษิทรา ได้ให้ปากคำเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ก็ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าพนักงานสอบสวนถึงการละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของรองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบนนายหนึ่ง ตามมาตรา 157 ว่าด้วย ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อคืนวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. นายษิทราได้เดินทางเข้ามาแสดงตนขอมอบตัวต่อเจ้าพนักงานสอบสวน สภ.กระทุ่มแบนแล้ว หลังจากที่ทราบว่าตนเองถูกออกหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร แต่ปรากฏว่าเมื่อมาถึง สภ.กระทุ่มแบน กลับไม่มีตำรวจคนไหนออกมารับมอบตัว ทั้งๆ ที่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนดังกล่าวก็อยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย โดยอ้างเหตุว่า หมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาครยังมาไม่ถึง และหมายจับยังไม่เรียบร้อยต้องแก้ไขเอกสารเพิ่มเติม ทำให้นายษิทราต้องเดินทางกลับบ้านไปก่อน จนกระทั่งในช่วงเช้าปรากฎว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนฯ นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรสาคร เข้าตรวจค้นที่สำนักงานทนายความของนายษิทราเพื่อควบคุมตัวบุคคลตามหมายจับ ทำให้นายษิทรา และผู้ที่เกี่ยวข้องเกิดความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง ดังนั้นจึงต้องการให้มีการดำเนินคดีกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับรองผู้กำกับการสอบสวนคนดังกล่าว



นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม กล่าวว่า ตนเองไม่ได้คิดหนีไปไหน และก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2563 เวลา 10.38 น. ตนเองก็ได้เข้ามาลงบันทึกประจำวันไว้แล้วที่ สภ.กระทุ่มแบนว่า “ผู้แจ้งถูกแจ้งความดำเนินคดีที่ สถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน โดยที่ผู้แจ้งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.กระทุ่มแบน และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หากมีการดำเนินคดีต่อผู้แจ้ง ผู้แจ้งยืนยันว่าจะมาตามหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยสามารถประสานได้ที่เบอร์ 087– 623-9999 แล้วขอให้สิบเวรรายงานผู้กำกับสถานีเพื่อทราบถึงความประสงค์ของผู้แจ้งด้วย” และต่อมาก็ยังได้เดินทางมาแสดงตนเพื่อขอเข้ามอบตัวตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ตำรวจไม่รับมอบและไม่ยอมควบคุมตัว ทั้งๆที่มีหน้าที่ในการที่จะต้องรับมอบตัวไว้ ไม่ควรที่จะมีข้ออ้างใดๆ ส่วนนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่นายนั้นได้เดินหนีไป ซึ่งตนเชื่อว่ามีการกลั่นแกล้งกัน จนมาในช่วงเช้ามีการนำหมายค้นเข้าตรวจค้นที่สำนักงานฯ ของตน ทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงได้แจ้งความกลับแล้วไปพิสูจน์กับทาง ป.ป.ช. กันต่อไป

นายษิทรา กล่าวอีกว่า ตนขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่กล่าวหาใส่ร้ายในทุกๆ เรื่อง ตนเชื่อมั่นว่าตนถูกกลั่นแกล้งและไม่ได้กระทำความผิดใดๆ ในคดีที่รับผิดชอบ อีกทั้งทางตำรวจก็ยังไม่มีการเรียกตนมาสอบปากคำ กลับมีการออกหมายจับเลย ทั้งๆ ที่ตนได้มาลงบันทึกประจำวันไว้แล้วว่า สามารถเรียกมาได้ตลอดเวลา ตนจึงเห็นว่าการกระทำแบบนี้เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ตนรู้แล้วว่าถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาอะไรบ้าง หลังจากนี้ก็จะเดินทางไปขอคัดรายงานเอกสารในศาลทั้งหมดเพื่อตรวจดูว่า ใครเคยเบิกความไว้ว่าอย่างไร แล้วมาพลิกเพราะใคร ใครเป็นคนยุยงให้พยานกลับคำพูด ซึ่งทุกอย่างมีในศาลแล้ว และคดีก็ถึงที่สุดแล้ว แต่จะไปบอกว่าเรื่องที่พูดเป็นเรื่องโกหกอันนี้ก็ต้องไปพิสูจน์กัน

นายษิทรา กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนนั้นทำใจแล้วว่ายังคงโดนอีกหลายคดี แต่ยังไงก็ต้องสู้กันต่อไปถึงศาลยุติธรรม ตนจะไม่หนีและไม่มีพฤติกรรมที่จะหลบหนีอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็ขอให้ทุกคนได้ติดตามดูว่า ทางคนไม่มีอาชีพต้องการเล่นงานตนในคดีอะไรบ้างและเป็นคดีซ้ำๆ เพื่อให้สังคมมองตนไปในแบบไหน ซึ่งกว่าตนจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้คงต้องใช้เวลาเป็นปี แต่ก็ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับคนไม่มีอาชีพและทุกคนที่ร่วมกันใส่ร้ายตนให้ถึงที่สุด