ลูกคุณ คุณรักมั๊ย? มนต์เรียก "งานเข้า" ผบ.ตร.

2020-02-05 15:30:02

ลูกคุณ คุณรักมั๊ย? มนต์เรียก "งานเข้า" ผบ.ตร.

Advertisement

พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก คงไม่ผิดนัก สำหรับ "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่กำลังสร้างสถิติอยู่ในตำแหน่งใหญ่ 5 ปี แถมยังอยู่จนครบเกษียณอายุราชการ บนเก้าอี้อาถรรพณ์ตัวนี้


ดูจากองค์ประกอบทั้งหลาย รวมถึง "แบ๊คอัพ" ดีเหลือล้นแล้ว การเหลือเวลาเพียง 8 เดือนสุดท้าย ความจริง ไม่น่าจะมีไปสั่นสะเทือนเก้าอี้ได้ แต่อาจเป็นเพราะราศีหรือวงโคจรของดวงดาวไปทับอะไรบางอย่างหรือไม่อย่างไรก็ไม่รู้ แต่มีเรื่องกระทบซัดเสียงดังครืนๆมาหลายระลอกแล้ว

ทั้งไบโอแมทริกซ์ ที่อดีตนายตำรวจดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต ผบช.สตม. ดับเครื่องชนแบบกามิกาเซ่ / เรื่องจี้ชิงร้านทองและฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่จังหวัดลพบุรี ที่กว่าจะรวบตัวคนร้ายได้ก็ต้องปาดเหงื่อสู้กับกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความล่าช้า

เรื่องลงนามย้าย รอง ผบ.ตร. แคนดิเดท ผบ.ตร.คนใหม่ อย่าง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ท่ามกลางการถูกตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นการเปิดใบเบิกทางให้เพื่อนเลิฟร่วมรุ่น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. เพื่อนั่งคุมอำนาจใน สตช.ต่อ รวมทั้งเรื่องเด้งเพื่อน นรต.36 ที่ช่วยพิชิตคดีมานักต่อนัก ทำให้เก้าอี้ "บิ๊กแป๊ะ" มั่นคงยั่งยืน โดยไม่ได้แจกแจงสาเหตุของการลงนามให้นายตำรวจใหญ่ระดับ รองผบ.ตร. ไปเข้ากรุ ศปก.ตร. ว่าเกิดจากอะไรกันแน่

"บิ๊กแป๊ะ" ยังโดนนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการ พ.ต.อ.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ สังกัดกองอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ฟ้องข้อหาละว้นการปฏิบัติหน้าที่กรณีโยกย้ายไม่เป็นธรรม ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง หรือศาลปราบโกง ซึ่งศาลเห็นว่ามีมูล และสั่งให้ สตช. ส่งข้อมูลชี้แจงเรื่องนี้ภายใน 30 วัน


ล่าสุด ยังตกเป็นเป้า "กระสุนตก" เรื่องลูกชายคนโต ร.ต.อ.ชานันท์ ชัยจินดา รองสารวัตรกองกำกับการ 3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวณชายแดน ขยับขึ้นแบบกระโดดค้ำถ่อ เป็นสารวัตรโดยตำแหน่งผู้บังคับการกองร้อย (สบ 2) กองกำกับการ 3 กองบัญชาการตำรวจตระเวณชายแดน ทั้งที่เป็นรองสารวัตรได้ไม่ถึง 7 ปีตามหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายของ สตช. โดยใช้ช่องทางวิธีพิเศษ ยื่นเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเพื่อให้มีมติยกเว้นหลักเกณฑ์แต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามหลักอาวุโส และ ครม. มีมติอนุมัติ เมื่อ 30 เมษายน 2562 โดยเป็น 1 ใน 4 นายตำรวจที่มีการเสนอ และได้รับการพิจารณาเห็นชอบทั้งหมด

ร.ต.อ.ชานันท์ จบจากสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบปริญญาโทจาก ม.บอร์นมัธ อังกฤษ จากนั้นเข้ารับราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เมื่อปี 2559 ตำแหน่งรองสารวัตร เท่ากับรับราชการตำรวจได้เพียง ประมาณ 4 ปี แต่สามารถเลื่อนยศขึ้นเป็น ร.ต.อ. และเมื่อขยับขึ้นเป็นสารวัตร เท่ากับจ่อคิวขึ้นติดยศ พ.ต.ต.


การเติบโตแบบก้าวกระโดดของลูกชาย ผบ.ตร. แน่นอนที่สุดว่า ต้องนำไปสู่เสียงวิพากษ์ถึงความเหมาะสมอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น แม้จะมีมติ ครม. รองรับก็ตามที นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งที่ท้าทาย ต่อกฎเกณฑ์การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจที่ให้ยึดหลักอาวุโสเป็นสำคัญ หลังจากที่ร่างแก้ไข พรบ.ตำรวจแห่งชาติ ที่สืบเนื่องจากตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธาน ไม่สามารถผลักดันให้มีผลบังคับใช้ได้ภายในกรอบเวลาที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ จึงต้องนำระบบอาวุโสมาใช้ สำหรับพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายเป็นสำคัญ


ถึงจุดนี้ ความเห็นที่หลากหลายและแตกต่างที่โหมประดังเข้ามา ย่อมถือเป็นเรื่องปกติ และฝ่ายที่ยืนอยู่ข้าง สตช. ก็สามารถอ้างอิงคุณสมบัติอื่นเป็นส่วนสนับสนุนได้ โดยเฉพาะเรื่องความรู้ความสามารถ ผลการปฏิบัติงาน รวมถึงเรื่องความประพฤติส่วนตัว

แต่สำหรับกรณี "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูจะพิเศษออกไปจนกลายเป็นประเด็นที่มีคนพูดถึงกันมากขณะนี้ คือนอกจากให้สัมภาษณ์สื่อทำนองยกแม่น้ำทั้งห้ามาสนับสนุน ทั้งสามารถทำได้เพราะมีระเบียบรองรับ ทำตามขั้นตอน ไม่มีการข้ามหัวคนอื่นเพราะอยู่คนละหน่วยแล้ว กลับหลุดวรรคทองแถมท้าย "ลูกคุณ คุณรักมั๊ย" ออกมาเสียนี่

อย่างนี้ หนีไม่พ้น "อ่วมอรทัย" แน่นอน เพราะเป็นการ "เรียกแขก" โดยตรง ทั้งกับตัวเอง และ "บิ๊กแป๊ะ" ที่อุตส่าห์สงบปากสงบคำ

ก่อนพูด ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อนนะครับ!

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ