โฆษก กมธ.ดีอีเอสชี้กรณียุโรปเดินหน้าใช้สายชาร์จไฟมาตรฐานเดียวกันประโยชน์ตกกับผู้บริโภค ต่อไปมาตรฐานทั่วโลกจะเป็น USB Type C เกือบทั้งหมด ราคาลดลงมา บางคนมีอุปกรณ์หลายอันต้องพกหลายสายก็พกแค่สายเดียว
จากกรณีที่รัฐสภายุโรป ลงมติเรื่องสายชาร์จไฟมาตรฐานสำหรับผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในสหภาพยุโรป ส่งผลให้ต่อจากนี้มือถือที่วางจำหน่ายในสหภาพยุโรปจะต้องใช้หัวชาร์จไฟแบบเดียวกัน
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ส.ส.กทม. พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ดีอีเอส) กล่าวว่า ปัจจุบันสายชาร์จต่าง ๆ ที่เราใช้งานกันอยู่จะมี 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ อุปกรณ์แอนดรอยด์ใช้ USB Type C อีกกลุ่มคือฝั่งของ Apple จะมีมาตรฐานของเขาเรียกว่าใช้พอร์ต Lightning ซึ่ง 2 ฝั่งนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ ทางยุโรปเลยจะกำหนดมาตรฐานว่า ควรจะใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเขามีมติไปแล้วว่า ต้องใช้มาตรฐานเดียวกันในเดือน ก.ค.ปีนี้ แต่เขาไม่ได้บอกว่าจะใช้แบบไหน จากการคาดหมายของผู้เชี่ยวชาญ คนทั่วไปก็รู้อยู่แล้วว่าควรจะเป็น USB Type C เพราะมีการใช้กันแพร่หลายมากกว่า และผู้ผลิตต่าง ๆ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มในการปรับมาใช้ตรงนี้ พูดได้ว่าเราจะเห็นมาตรฐานเดียวกัน คือ USB Type C ในอนาคต
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนผลกระทบของพวกเราที่ใช้งานกัน จะทำให้เราใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้น ไม่เฉพาะอุปกรณ์มือถือเท่านั้น เขาบอกว่าอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ทุกชนิด จำเป็นต้องใช้สายชาร์จแบบเดียวกันทั้งหมด นอกเหนือจากมือถือ ยังรวมไปถึงแท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก กล้องดิจิทัล สมาร์ทวอทซ์ หูฟังไร้สาย ลำโพงบลูทูธ พาวเวอร์แบงก์ จะต้องใช้สายชาร์จแบบเดียวกันทั้งหมด
“ผลดีก็คือ เราไม่จำเป็นต้องพกสายหลายสาย บางที่เราลืมก็ยืมเพื่อนได้เลย เพราะมันเหมือนกันหมด สิ่งหนึ่งที่รัฐสภายุโรปเขาคำนึงถึงก็คือ ปริมาณขยะเขาประเมินกันว่าทั่วโลกมีขยะเพิ่มขึ้น 50 ล้านตันต่อปี เกี่ยวกับขยะอิเลคทรอนิกส์ หรือ ประมาณ 6 กก.ต่อคน นี่คือทั่วโลก แต่ในยุโรปเขาประเมินกันแล้ว จาก 50 ล้านตัน มีประมาณ 12.3 ล้านตัน เขาก็มีเหตุผล มีน้ำหนักว่า มันจะช่วยลดขยะอิเลคทรอนิกส์ของเขา” นายสมเกียรติ กล่าว
ต่อข้อถามว่าคนไทยจะได้ประโยชน์จากผลพวงตรงนี้อย่างไร นายสมเกียรติ กล่าวว่า นอกจากยุโรปแล้วก็คงใช้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ในเอเชียเราไม่มีรัฐสภาที่ร่วมกันผลักดันเป็นนโยบายเหมือนทางยุโรปเขา แต่ผลพวงที่ได้คือ เราก็จะได้ใช้มาตรฐานที่ทันสมัยขึ้น ปัจจุบันฝั่งแอนดรอยด์ยังมีผู้ผลิตเดิมที่ใช้ Micro USB การรับส่งข้อมูลก็ช้า เราก็จะเห็นมันหมดไปในเร็ว ๆ นี้ ต่อไปมาตรฐานทั่วโลกก็จะเป็นมาตรฐาน USB Type C เกือบทั้งหมด ราคาก็อาจจะลดลงมา หรือ บางคนมีอุปกรณ์หลายอันต้องพกหลายสายก็พกแค่สายเดียวสะดวกขึ้นเยอะ
“ถ้าออกมาเป็น USB Type C คนเสียประโยชน์คงจะเป็น Apple เพราะมูลค่าการขายอุปกรณ์เสริมเยอะพอสมควร นอกจากนี้ยังได้ค่าลิขสิทธิ์ที่ไปเชื่อมต่อกับพอร์ต Lightning ก็คงจะขาดรายได้ตรงนี้ไปแต่ผลประโยชน์จะตกอยู่กับผู้บริโภค ผมได้ยินเสียงสาวกของ Apple บางคนก็ยังบ่นว่า อุปกรณ์เขาก็แพง ใช้กับชาวบ้านก็ลำบาก ถ้าเป็นแบบนี้เขาน่าจะแฮปปี้ขึ้น”นายสมเกียรติ กล่าว