สธ.ชะลอจุดพีคไวรัสอู่ฮั่น ลดจำนวนผู้ป่วยไปออกันที่ รพ. ให้บุคลากรทำงานง่าย การดูแลรักษาพยาบาลดีมากขึ้น
เมื่อวันที่ 30 ม.ค. นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า เดิม สธ.ตรวจยืนยันเชื้อ 2 แห่งคือห้องแล็บกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่คณะแพทยศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จากนี้จะเพิ่มแล็บที่จะมาตรวจยืนยันผลอีก 2 แห่ง คือแล็บของ รพ.ราชวิถี และคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์ ส่วนแล็บศูนย์ 14 แห่งทั่วประเทศก็สามารถตรวจได้ ไม่จำเป็นต้องส่งเข้ามาที่ส่วนกลาง
นพ.สุขุม กล่าวต่อว่า ขอความร่วมมือจากประชาชนในการดูแลสุขภาพตัวเอง พักผ่อนให้เพียงพอ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ และอยากให้ประชาชนที่ไม่มีอาการป่วยหันมาทำหน้ากากอนามัยชนิดผ้าที่สามารถซักใช้ซ้ำได้ ทำเป็นลวดลายเป็นแฟชั่นได้เหมือนเมื่อครั้งเรามีการระบาดของไข้หวัด 2009 ซึ่งป้องกันการแพร่เชื่อโรคได้เช่นเดียวกัน
ด้านนพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากประสบการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่ ใช้เวลาระบาดประเทศใดประเทศหนึ่งใช้เวลา 6-9 เดือน จะเข้าสู่จุดพีคที่มีผู้ป่วยมากที่สุด จากนั้นจะคงที่รอวันลดลง ระบาดเป็นช่วงๆ ซึ่งจีนตอนนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น เดือนนี้เพิ่งเดือนแรก อีกนานกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น มาตรการปิดเมืองของจีนก็เพียงไม่กี่เมืองเท่านั้น ในขณะที่มีการระบาดไปยังจังหวัดอื่นๆ ซึ่งถ้าจีนมีมาตรการดี แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะหยุดการแพร่ระบาดได้เร็ว แต่หมายถึงจะยืดระยะเวลาพีคให้ช้าลง สามารถชะลอการระบาดได้ ทั้งนี้ สถาบันด้านการสาธารณสุขออกมาพยากรณ์สอดคล้องกันเรื่อยๆ ว่าทุกประเทศมีความเสี่ยงระดับปานกลางที่จะแพร่ระบาดในประเทศ สำหรับประเทศไทยก็เตรียมการไปถึงจุดนั้น คือต้องชะลอจุดพีคของโรคให้ได้ เพราะผลดีคือ ลดจำนวนผู้ป่วยไปออกันที่โรงพยาบาล แทนที่จะมีวันละพันคนก็อาจจะมีแค่ร้อยคน ทำให้บุคลากรทำงานง่ายขึ้น ประสิทธิภาพการดูแลรักษาพยาบาลก็ดีมากขึ้น