หลังจากมีข่าวอักษรย่อออกมาพูดถึงนางเอกสาวที่ตัดสินใจเลิกรากับแฟนต่างชาติเพราะฝ่ายชายไม่รวยจริง จนฝ่ายหญิงต้องขอบอกเลิก งานนี้หลายคนพุ่งเป้าไปที่คู่ของนางเอกสาว"ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก" กับ หนุ่มหล่อโปรไพล์ดี"แมทริว บราก" ล่าสุดในงาน “Venezuela Film Night (เวเนซุเอลา ฟิล์ม ไนท์)” สาวปูได้ออกมายอมรับว่าได้เลิกกับแฟนหนุ่มจริง และได้พูดถึงข่าวอักษรถึงความไม่จริงในทุกๆประเด็นอย่างละเอียดว่า
เดี๋ยวปูเริ่มตั้งแต่ต้นเลยดีกว่าเพื่อความเข้าใจเพราะปูก็เป็นคนตรงๆ เดือนนี้มีอีเว้นท์เข้ามา 4 งานตั้งแต่ข่าวนี้ออกมาแต่ว่าปูไม่รับ เพราะส่วนตัวปูคิดว่า ข่าวที่ไม่ได้เกี่ยวกับปูโดยตรงแต่คนที่ปูรักที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้ที่ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย ปูหาเงินจากข่าวนี้ไม่ได้ เพราะปูมีหลายเรื่องที่อาจจะต้องแก้นิดนึง เพราะปูรู้สึกว่าบางเรื่องไม่ค่อยแฟร์ แต่เอาทีละประเด็นละกัน ประเด็นแรกคือตอนนี้ปูกับแมทธิวลดสถานะจริง แต่เหตุผลใดปูจะอธิบายต่อ เรื่องข่าวคือ เขาย้ายมาอยู่เมืองไทยเพื่อที่จะอยู่กับแฟนเขา เขาต้องเสียสละอาชีพเขาเพราะเขาเป็นชาวต่างชาติ เขาต้องย้ายมาทำบริษัทที่นี่โดยที่เขาไม่ได้พูดภาษา ไม่ได้รู้จักใคร เพื่อนพ่อแม่ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เพียงเพราะปูไม่ยอมเสียสละอาชีพตัวเองที่นี่ เพราะปูถือว่าสิ่งที่ปูสร้างมาปูถอยไม่ได้ เพราะปูยังต้องรับผิดชอบครอบครัว ปูยังทำงานยูเอ็นที่ปูอยากทำ ปูยังมีเด็กที่ปูให้ทุนการศึกษา 5 คน ที่ปูรับปากและจะส่งจนจบ ยังไม่จบสักคน ยังอยู่มัธยมบางคน อยู่มหาวิทยาลัยบางคน ปูไม่เคยพูดว่าปูเป็นคนดี หรือเป็นนางฟ้าตามที่ข่าวเขียนไม่เคยคิดด้วยซ้ำ เพราะเป็นคนที่มีอารมณ์รัก โกรธ โลภ หึง ยังมีกิเลส ยังมีอารมณ์ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ปูเชื่อตลอดที่ทำงานสังคม ก็เพราะว่า พี่ดูประเทศเราสิ คนที่ยากลำบากมันเยอะมาก แล้วดาราเป็นบุคคลที่มีโอกาสเยอะมากที่ปูทำทุกวันนี้ เพียงเพราะปูคิดว่าปูมีความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อเพื่อนมนุษย์ ไม่ใช่เพราะปูคิดว่าปูเป็นคนดี ปูทำงานยูเอ็นมาเกือบ 6 ปี ทำงานสังคมเกือบ 7 ปีครึ่ง แล้วส่วนมากที่ปูทำ ปูไม่เคยลดหย่อนภาษีเพราะลดหย่อนไม่ได้ ปูทำโดยตรง ทำด้วยใจ ปูเลยบอกว่าข่าวนี้ออกมาสิ่งเดียวที่ปูรู้สึกคือหลายรอบที่พาดหัวข่าวว่านางฟ้าภาพลักษณ์จากสวรรค์ ปูไม่ใช่นางฟ้าและไม่คิดว่าตัวเองเป็น ปูคือมนุษย์นี่หล่ะ แต่มนุษย์คนนี้เห็นอะไรมาเยอะจน รู้สึกว่าพอละ ปูได้เห็น ปูมีโอกาสเยอะแยะ ปูเข้างานก็ได้ค่าตัวแล้ว แล้วคนครึ่งค่อนประเทศที่ไม่มีข้าวกิน ไม่มีน้ำ ป่วยอยู่บนเตียง ปูขอร้องที่จะให้ปูมีภาพลักษณ์ที่จะหารายได้ต่อไป โดยอย่าทำให้ปูบั่นทอนจิตใจเลย เพราะทุกวันนี้ ที่เขียนว่าปูต้องตาสว่าง ปูตาสว่างไม่พอเหรอ ปูเดินข้างทางปูก็ตาสว่างแล้ว ปูเลี้ยงเด็ก เมื่อวานขึ้นไปนครศรีธรรมราชไปหาเด็กที่ปูให้ทุนการศึกษา แม่เขาทำงานอยู่ในปั๊ม พ่อเขาทำงานอยู่ในสวน เขาใช้เงินเดือนละแค่ 1500 กับคนในกรุงเทพข้าวมื้อนึงไหมของบางคน แต่เราเห็นถึงความยากลำบากเขา ปูไม่จำเป็นต้องเอาวันว่างปูบินขึ้นไปเพื่อทำแบบนั้น แต่ที่ทำทุกวันนี้ปูท้ออยู่แล้ว ปูเหนื่อย และเหตุผลที่ปูไม่ได้ไปต่อกับแมทธิว เดี๋ยวมันจะเกี่ยวกับเรื่องนี้นิดนึง แต่สำหรับปู ปูซีเรียสกับข่าวเรื่องนั้น มันบั่นทอนจิตใจ
แต่ในเรื่องของแมทธิว ข่าวเรื่องอักษรย่อ เข้าใจปูรักพี่ๆนักข่าว ปูมีวันนี้เพราะพี่ๆ เราอยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปีแล้ว สิบเจ็ดปีเต็มๆ ปูมีโฆษณา ปูมีหัวข่าวไปเดินพรมแดงพี่ๆเชียร์หนูตลอด ไปเดินแบบพี่ๆเชียร์หนูสุดพลัง หนูรักพี่ๆอาชีพนักข่าวมากที่สุดจริงๆ เพราะปูมีทุกวันนี้และดารามีทุกวันนี้ก็เพราะพี่ๆเหนื่อยและวิ่งมาเขียนข่าวเราในงานนี่แหละ ลดก็ติด เหนื่อยก็เหนื่อย ต้องรออีกหลายชั่วโมง โดยรวมหนูไม่ได้คิดอะไร แต่ข่าวอักษรย่อมีข้อเสี่ยงตรงที่ว่าบางครั้งเขียนเวอร์เพื่อให้คนคลิก ไล้ท์ แชร์ คอมเมนต์ แล้วการคลิก ไล้ท์ แชร์ คอมเมนต์ บางครั้งทำร้ายจิตใจคนนึงมาก โดยในแบบที่เขาแก้ไม่ได้ แล้วแมทธิวเขาเป็นคนต่างชาติที่ไม่มีพื้นที่ที่จะพูด ไม่มีพื้นที่จะแก้และ เขาไม่เคยอวดรวย ปูออกรายการกับเขาก็ไม่เคยบอกว่าเขารวย แต่บ้านเขาโอเคมีเงินใช้ แต่เขาก็ไม่เคยพูด แล้วคำว่าปลอมมันแรงมาก เพราะว่าในใจปูรู้สึกว่าเขาสูญเสียคู่หมั้นเขาแล้ว เขาต้องย้ายออกจากประเทศไทยกลับประเทศเขาแล้ว และมาเจอข่าวนี้ในช่วงตอนที่เราตัดสินใจลดสถานะแล้ว และเขาไม่ได้โกรธสักคำเลย เขาเข้าใจและเขาบอกนี่แหละอาชีพยู ไอเข้าใจ เขารับรู้ข่าวตั้งแต่วันแรกเลย ตอนที่ปูบินไปเจอเขาที่แอลเอล่าสุด ปูเห็นเขาน้ำตาเขาคลอแล้วเขาอึ้ง เพราะเขาก็ไม่คิดว่าจุดจบของการที่เราจะคุยกันมันจะมาด้วยคำพูดที่ไม่ได้เกี่ยวกับเขา เพราะเขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับอาชีพปู เขาไม่ได้มีรายได้จากปู รายได้ปูคือรายได้ปู ชื่อเสียงปูก็ชื่อเสียงปู และทั้งนี้ทั้งนั้นที่เราไปกันไม่รอด ณ ตอนนี้ที่ปูคืนแหวนเขาไปแล้ว ปูไม่จำเป็นต้องซื้อแหวนให้ตัวเอง เพราะตอนนี้ปูยังมีงานโฆษณา มีอาชีพ ที่การแต่งงานมันจะเปลี่ยนความรับผิดชอบในชีวิตการทำงานของปูอันนี้คือเรื่องจริง การแต่งงานมันเป็นหน้าที่ของหัวหน้าครอบครัว เป็นแม่ของลูก พอใกล้วันแต่งงานมาขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งจริงๆเราวางวันไว้แล้วเป็นปีหน้า เดือน 6 ปูมองว่าชีวิตปูยังไม่พร้อมที่จะสละสิ่งที่ปูสร้างมาในเมืองไทย พอสุดท้ายเวลาเราคบชาวต่างชาติ คนใดคนหนึ่งต้องสละชีวิตของตัวเอง ไม่เราย้ายไปอยู่กับเขา เขาก็ต้องย้ายมาอยู่กับเรา และคนไหนจะยอมเสียสละชีวิตตัวเองมากกว่า และคนไหนควรจะเสียสละชีวิตในวัย 30 แล้วเราจะเสียใจทีหลังไหม และถ้าเราเสียใจทีหลังเราจะเป็นภาระพ่อแม่เรา ทั้งๆที่เราสร้างมาขนาดนี้ ลูกที่คลอดมาจะยังไงต่อ ปูคิดคำถามเหล่านี้ทั้งหมดเลย และสุดท้ายสิ่งที่ปูคิด เด็กที่ได้ทุนการศึกษาทั้ง5ชีวิต พ่อแม่ ยาย พี่น้องที่อยู่อ่างทอง ความรับผิดชอบปูเยอะมาก น้องปูยังเรียนไม่จบเมืองนอกเลย
ปูแต่งไม่ได้ไม่ใช่เพราะปูไม่รัก ปูรักเขาสุดหัวใจเขาเป็นผู้ชายที่ดีมาก เขาเป็นแฟนที่ซื่อสัตย์กับปูไม่เคยมีผู้หญิงคนอื่น ไม่เคยเอาเปรียบปู เห็นคุณค่าที่จะแต่งงานกับปู แต่ปูเลือกอาชีพปู ปูเลือกสิงที่ปูเลือกแล้ว เพราะผู้หญิงเวลาที่เราเลือกแล้วเราถอยหลังไม่ได้ เราแต่งงานแล้วและสมมุติมันไม่เเป็นอย่างสิ่งที่เราฝัน มันจะเหนื่อยมากปูเห็นจากแม่ปูมาแล้ว เห็นจากคนรอบข้างปู ปูรู้สึกว่าปูยอมเจ็บในวันนี้เพื่อเขาจะได้ในสิ่งที่เขาคู่ควร เพราะปูเลือกแล้ว ปู้สร้างมาขนาดนี้แล้วกับอาชีพปู
อยากชี้แจงอะไรบ้างในข่าวที่ออกมามีอะไรบ้างที่ไม่เป็นความจริง?
ไม่เคยซื้อแหวนเองค่ะ(หัวเราะ) ขอโทษนะคะไม่เคยซื้อเองค่ะ และมีการบอกว่าอยากมีภาพหรูหรา มีภาพแต่งงานด้วย ในรูปปูใส่กางเกงยีนส์ โอเคเขาเอาช่างภาพไปเขาคงหวังดีเห็นว่าเธอเป็นดาราไทยก็ต้องมีรูปประชาสัมพันธ์ในไอจีว่าผู้ชายขอฉันแต่งงาน อันนี้พูดแบบตลกเลยนะ อายอ่ะ เห้ย.. ถ้าจะเมคทำไมปูไม่จัดในโรงแรมที่หรูหรา มีกุหลาบตก ใส่ชุดราตรี แต่งหน้า มีพี่ป้อมแต่งหน้า ทำไมต้องญี่ปุ่น ทำต้องในสวน ทำไมต้องใส่กางเกงยีนส์ นี่หรอคือภาพเมค ปูไปรเมคต้องร่องเรืออิตาลีค่ะพูดเลย อันนี้พูดจริงนะถ้าจะเมคไม่เมคครึ่งทาง จ้างเวดดิ้งออแกไนท์ไปเลย
คือเราไม่เอาความรู้สึกมาเล่นกับเรื่องนี้?
ปูก็ฮาออก แต่ปูก็เจ็บใจอ่ะ แต่อันที่สองที่ปูรู้สึกว่าไม่ใช่ก็คือ บริษัทเขาไม่ได้เจ๊ง ไม่ใช่ ไม่เกี่ยว อันนี้เลยไปนิดนึง และอันที่บอกว่าเขาเอาเปรียบปู พี่ชีวิตจริงไม่ใช่ละครนะ แล้วเรื่องเปย์ขอพูดประโยคหนึ่ง ผู้ชายไม่ใช่ธนาคารพี่ เขามีพ่อมีแม่ ถ้าปูมีอาชีพขนาดนี้ แล้วปูไม่คิดจะเลี้ยงแฟนสักมื้อ ไม่เคยซื้อของขวัญให้เขาคบกันมา 4 ปี คือไรอ่ะ นึกออกป่ะอันนี้พูดจริงๆ ปูอ่านแล้วก็โอ้ว...แล้วช่วงนั้นคือไรป่ะตอนไปช็อปปิ้งคิดในใจบัตรอย่าห้ามผ่านนะ ถ้าไม่ผ่านตาย ทุกคนหันมามองปูเยอะมากช่วงที่มีข่าวออก อย่างตอนไปเดินห้างคนก็มองดูว่ามีแหวนไหม มองสีหน้าปู แล้ว 4 วันก่อนปีใหม่ ปูรู้สึกผิดมากเพราะว่าเราห่างมาได้ 4-5 เดือนแต่ยังคุยกันทุกวัน เพราะคนเรารักกันมันไม่ได้เลิกกันง่ายๆหรอก แต่เราก็มีความรับผิดชอบต่อเขา เพราะการเตรียมงานแต่งงานมันมีค่าใช้จ่าย เดี๋ยวจะเตรียมส่งบัตรเชิญออกทุกอย่างปูตัดสินใจลดสถานะก่อนที่จะเป็นเรื่องลำบากกับพ่อแม่เขา แล้วจริงๆ ถ้าปูต้องการจะสร้างซีนสร้างภาพ ปูต้องแต่งที่เมืองไทย ปูไม่ได้มีแพลนแต่งเมืองไทย จะไม่มีงานที่เมืองไทยเลยด้วยซ้ำ

เขายื้อเราขนาดไหนในวันที่เราถอดแหวนคืนเขา?
เขาไม่ได้ยื้อเพราะเขาเป็นผู้ชายที่มีศักดิ์ศรี แต่เขารู้เพราะเขามาเมืองไทยเขาเห็นแรงกดดันในชีวิตปู เขาเห็นการทำงานของปู ปูทำงานมาตั้งแต่อายุ13อ่ะ เขาได้ไปอ่างทอง ไปหาพี่ ป้า น้า อา ของปูอย่างที่ทุกคนเห็น ปูว่าเขารู้แหละว่าทำไมปูปล่อยตรงนี้ไม่ได้ เขาเห็นข่าวโซเชียล ข่าวลบอ่ะ มันมีผลต่อจิตใจ ต่ออาชีพของคนๆนั้นเท่าไหร่ ทุกอย่างที่เขาพูดประโยคเดียวที่เขาพูดตอนท้ายกับปูรอบล่าสุดคือ ยังไงก็ตามปูอย่าแพ้และอย่าล้ม ถ้าเลือกแล้วก็อย่าแพ้และอย่าล้ม เธอทำหน้าที่ของเธอต่อไป ถ้าอยากช่วยคน อยากทำงานสังคม คนไม่เห็นด้วย คนว่าเธอ ไม่เป็นไรเธอจะไปแคร์ทำไม ตั้งแต่ต้นเธอเลือกแล้วหนิ
เราหมั้นกันแล้ว การตัดสินใจแบบนี้คือทางออกที่ดีที่สุดแล้วใช่ไหม?
ถ้าเรารู้ว่าเรารับผิดชอบหน้าที่ของภรรยาและการเป็นแม่ของคนยังไม่ได้ เราทำงานสังคม เราเห็นปัญหาสังคม เราต้องเรียนรู้ต่อสิ่งที่เราทำสิ ปูยังไม่พร้อม
ถ้าพักงานแต่งแต่ไม่ต้องเลิกกันได้ไหม?
เพราะเขาต้องรอปู ถ้าเขารอปูเขารอโดยการที่ปูไม่ต้องใส่แหวนก็ได้ เขาจะได้มีอิสระภาพของเขา เพราะการที่เรากั๊กคนอ่ะ ในช่วงอายุ 30-35 ปีมันเป็นช่วงหนุ่มเนื้อหอมเลยนะ มันเหมือนเราไปกั๊กผู้ชายคนนี้ ปูรักเขาเกินที่จะกั๊กเขาเอาไว้ ถ้าเรารักใครจริงต้องปล่อย แล้วถ้าเขาเป็นของเรา ปู้เชื่อว่าอีก 5 ปีเขาอาจจะมาขอปูอีกทีก็ได้
งานแต่งที่เตรียมการไว้ไปถึงขั้นไหน?
เตรียมแล้วค่ะ ล็อกสถานที่ทุกอย่างเสร็จสรรพแล้วค่ะ ยกเลิกด้วยเหตุผลที่บอกเลย ถึงได้บอกว่าข่าวไม่ตรงสักอย่างเลย แต่อุ๊ย...เจ็บ(หัวเราะ)

มีคนตั้งประเด็นเรื่องที่ว่าฝ่ายชายไม่รวยจริง?
คำถามนี้ตอบยากเพราะว่าถ้าประชาชนฟังแล้วปูตอบว่ารวยก็ดูเหมือนอวดรวย ตอบว่าปานกลางก็ดูเหมือนตอบเป็นกลางอีก ตอบว่าไม่รวยมันก็ไม่จริง ถึงได้บอกว่าเป็นคำถามที่ตอบยาก ให้ลองไปเสิร์ชประวัติว่าคุณพ่อของเขาทำอาชีพอะไรดีกว่า แล้วครอบครัวของเขาทำอะไร
เรารู้สถานะเขาตั้งแต่แรกใช่ไหม?
รู้ค่ะปูไปเยี่ยมบ้านเขา ไปเห็นไปเจอพ่อแม่เขาดีมาก พ่อแม่เขารู้ถึงข่าวนี้ด้วย เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร อาชีพเธอหนิ เธอเป็นดารา ธรรมดาเรื่องนินทาเป็นเรื่องปกติ พ่อแม่เขาไม่ซีเรียส ปูกับแมทธิวแค่อึ้งกันทั้งคู่ เพราะจังหวะเวลามันมาในช่วงเวลาที่พวกเราคิดว่าจะได้ซ่อมแซมจิตใจนิดนึงก่อนที่จะเจออะไรที่รุนแรงแบบนี้ ปูมีอะไรก็ยังปรึกษาแมทธิวทุกวัน สิ่งเดียวที่ไม่ได้ปรึกษาคือบทสัมภาษณ์นี้ เพราะถ้าปูพูดกับเขาด้วยเหตุผลอีกรอบในโทรศัพท์ คิดว่ามันเจ็บปวดเกินไปแล้วสำหรับเขา แต่เรื่องอื่นปรึกษากันทุกวัน เรื่องการงาน ไปแอลเอก็ยังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย เป็นความรู้สึกที่แปลกเพราะว่าไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว แล้วยังเห็นแววตาที่เขามองปูเหมือนเดิม แต่เวลากลับบ้านก็ต่างคนต่างกลับอ่ะ บาย แค่นี้นะ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกันมาเกือบ 4 ปี
จะมีโอกาสกลับมาเหมือนเดิมไหม?
ปูตอบไม่ได้ว่าเขาจะรอไหม แต่ปูรู้ด้วยใจของเขา เขาบอกว่ามันคือรักแท้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่คุกเข่าขอแต่งงาน เลยไม่รู้ว่าเขาจะรอหรือเปล่า แต่ปูทิ้งเมืองไทยไม่ได้ ปูทำงานที่เมืองนอกชั่ววูบได้ แต่จะทิ้งเมืองไทย ทิ้งครอบครัว ปูยังทำไม่ได้ ส่วนตัวเขาย้ายมาอยู่ที่นี่ คือเขาไม่มีเพื่อนที่นี่ เขาพูดภาษาไทยไม่ได้ หาเพื่อนที่มีแบ็กกราวนด์คล้ายๆ กันก็ยาก แมทธิวไม่ใช่คนชอบเที่ยวกลางคืน เขารอปูทุกวันตอนปูออกไปทำงาน พอเขาเริ่มมีงานทำเราสองคนก็ไม่ได้เจอกัน เลยเป็นสถานการณ์ที่มันไม่เวิร์ก
คุยกันหลายรอบไหมกว่าจะตัดสินใจแบบนี้?
ช่วงที่ปูเริ่มเครียดมากคือตั้งแต่ประมาณเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ถ้าติดตามข่าวก็จะเห็นว่าตนมีข่าวช่วงนึงเป็นข่าวหลายๆ อย่าง ปูเลยมุ่งอยู่กับงานสังคม เป็นปีแรกที่ตนไม่ได้รับละคร รับแต่โฆษณาและก็อยู่เมืองนอก เพราะว่าปูเริ่มรับรู้อะไรเยอะ จนรู้สึกว่าใจตัวเองไม่อยากรับรู้อะไรมาก เลยไปอยู่เมืองนอก พอแรงกดดันของงานแต่งเกิดขึ้น ปูก็เลยขอทำงานและปูก็ทำงานจริงๆ อย่างตอนที่ไปเวเนซุเอลาปูก็บินไปทั้งหมด 19 ไฟลต์ เขาไม่ได้เจอปูเกือบ 3 เดือน จาก 3 เดือนกลายเป็น 4 เดือน เป็น 4 เดือนครึ่ง เขาก็เรียกปูไปคุยว่ายังไง มีอะไรก็พูดได้ ปูเลยบอกเขาตรงๆ ว่า การเป็นผู้หญิงที่สู้มาตลอด แต่ปูพูดไม่ได้ว่าเจออะไรมาบ้าง แต่พี่นักข่าวก็รู้ว่าวงการเป็นยังไง กว่าปูจะมีวันนี้มันไม่ง่าย ปูถอยไม่ได้
สภาพจิตใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
แฮปปี้ค่ะ มีความสุขดี แต่จะเศร้าก็ตอนที่นึกถึงเขาเพราะรู้สึกผิดกับข่าวสารที่เกิดขึ้น รู้สึกผิดกับการที่ปูเรื่องตัวเองเลือกอิสรภาพของตัวเอง การเลิกกันของข่าวดารามักจะบอกว่ามีมือที่สาม ไปไม่รอด ผู้ชายปลอม ผู้หญิงปลอมนิสัยไม่ดี แต่ชีวิตของมนุษย์จริงๆ มันคือความรับผิดชอบ สเต็ปต่อไปคความมั่นคง แล้วเราพร้อมไหมแล้วกันเลิกแบบนี้มันไม่ได้เลิกแบบโกรธกัน ไม่ได้อะไรเลย แต่รู้ว่าเราทั้งคู่คือผู้ใหญ่ และรู้ว่าเดินหน้าต่อไปตอนนี้ยังไม่ได้”
หลังจากนี้จะปิดโอกาสคนอื่นเพื่อรอเขาไหม?
ปูไม่มีคนอื่น ปูรู้ว่าผู้ชายคนนี้คือรักแท้ของปู เพราะเขาเป็นคนดี แต่รักแท้ปูอีกคนหนึ่งคือตัวปู ปูรักตัวเอง รักประเทศตัวเอง ปูรักครอบครัวตัวเอง ปูรักงานสังคม รักวงการบันเทิง รักพี่นักข่าว ปูรักกล้อง ตนถอยไม่ได้
หลังจากนี้เรื่องแต่งงานไม่ได้อยู่ในหัวเราแล้ว?
ไม่ค่ะ ถึงได้บอกว่าข่าวไม่ตรงสักเรื่อง ไม่ได้ร้อนตัวว่าอยากจะแต่งงานเพราะกลัวที่จะเสียอิสรภาพตัวเอง
แต่เขาพร้อมที่จะแต่ง?
เพราะเขาคิดว่าถ้าปูได้แต่งงานจะได้ไปพักผ่อนพักใจที่เมืองนอก ชีวิตตนอาจจะมีความสุขมากกว่าการแข่งขันในจุดนี้ แต่คนทำงานมา 17 ปีปล่อยวางปลงยาก
ความรักครั้งนี้เราได้มุมมองอะไรบ้าง?
ความรักที่โตค่ะ ได้มุมมองว่า รักใครจริง ปลงและปล่อย อาจจะเป็นเพราะว่าปูทำงานสังคมเยอะมั้งคะ เวลาที่เราได้ไปอุปถัมภ์เด็กและได้เห็นว่าทำไมครอบครัวของเขาดูแลเขาไม่ได้ แล้วปูก็คิดในใจว่าถ้าปูมีลูกของตัวเอง ความรับผิดชอบของคนเป็นแม่ก็คือลูก แล้วเด็กๆ ที่ปูอุปถัมภ์เขาก็ไม่เหลือใครแล้ว ปูเห็นลีเดียอุ้มลูก หลานน่ารักมาก แต่ในใจตัวเองคิดว่ายังไม่ได้อยากมี ปูแค่อยากอุ้มลูกของเพื่อน หรืออยากอุปถัมภ์เด็กคนอื่นๆ คนอาจจะมองว่าปูแปลกแต่ปูไม่ได้มีความต้องการ