แพทย์เตือน! “จูบ” อันตราย ระวังติดโรค “โมโนนิวคลิโอซิส”

2020-01-23 15:55:31

แพทย์เตือน! “จูบ” อันตราย ระวังติดโรค “โมโนนิวคลิโอซิส”

Advertisement

จูบอันตราย ! หมอเตือนจูบระวังติด”โรคโมโนนิวคลิโอซิส”หรือ โรคติดต่อจากการจูบ หลังโจ๋ชายวัย 15 ติดเชื้อไวรัส ผื่นขึ้นเต็มตัวมีไข้สูงและปวดหัว

วันที่ 23 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่ นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผอ.รพ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กชื่อ “Arak Wongworachat” เตือนภัยโรคโมโนนิวคลิโอซิส โรคติดต่อจากการจูบ โดยจะมีอาการไข้เจ็บคอมีผื่นตามตัว ทำให้มีชาวโลกโซเชียลให้ความสนใจเข้าไปติดตามและแสดงความคิดเห็นสอบถามอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเหมือนเป็นโรคใหม่ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ เพราะไม่เคยมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์อย่างเป็นทางการมาก่อน

นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ เปิดเผยว่า สำหรับผู้ป่วยรายนี้เป็นผู้ชาย อายุ 15 ปี โดยเดินทางมา รพ. ด้วยอาการมีไข้ ปวดหัว อ่อนเพลีย เจ็บคอ เบื่ออาหาร เหงื่อออกตอนกลางคืน เหมือนคล้ายจะเป็นหวัด ซื้อยากินเองไม่ดีขึ้น ไปหาหมอที่คลินิกแพทย์ตรวจร่างกายส่องในคอบอกว่ามีหนองเป็นทอนซิลอักเสบ จึงให้ยาต้านเชื้อแบคทีเรียไปกิน วันต่อมามีผื่นขึ้นเต็มตัวตั้งแต่หน้า คอ หน้าอก หลัง จึงไปพบแพทย์อีกครั้งกังวลว่าแพ้ยา แพทย์ที่คลินิกเห็นว่าคนไข้อ่อนเพลียมากจึงส่งเข้า รพ.สิชล รับคนไข้ตรวจเพิ่มเติมพบต่อมน้ำเหลืองโตที่คอ ม้ามโต ไม่ซีด ไม่เหลือง




ผอ. รพ.สิชล กล่าวอีกว่าแพทย์ตรวจเม็ดเลือดพบว่ามีเม็ดเลือดขาวสูง12,800cells/mm*3มี lymphocyte50% monocyte5% atypical lymphocyte 7% เข้าได้กับโรคโมโนนิวคลิโอซิส

สำหรับโรคโมโนนิวคลิโอซิส เป็นโรคที่เรียกกันว่า โรคติดต่อจากการจูบ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ (Epstein-Barr Virus: EBV) ที่สามารถแพร่กระจายผ่านทางน้ำลาย การไอ หรือการจาม ในเบื้องต้นผู้ป่วยจะมีไข้ เจ็บคอ และรู้สึกอ่อนเพลีย เมื่อเป็นแล้วมักจะค่อย ๆ หายได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ โดยโรคนี้เกิดขึ้นได้กับทุกช่วงอายุ แต่ส่วนมากเกิดในวัยเด็กไปจนถึงวัยรุ่น



ส่วนวิธีป้องกันคือ หลีกเลี่ยงการจูบกับผู้ที่มีเชื้ออยู่ในร่างกาย ใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหาร ไม่ใช้แก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น รวมถึงผ้าเช็ดหน้า หรือของใช้ส่วนตัวต่าง ๆ พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำลายหรือเสมหะของผู้อื่น ส่วนตัวผู้ป่วยเองก็พยายามหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อโรคไปยังผู้อื่นด้วยเช่นกัน