ยึดป่าเขาใหญ่ เขา "ใหญ่" สมชื่อ!

2020-01-22 15:30:56

ยึดป่าเขาใหญ่ เขา "ใหญ่" สมชื่อ!

Advertisement

จากพ่อลูกตระกูล "ไกรคุปต์" ที่จังหวัดราชบุรี รุกพื้นที่ป่าและได้ที่ดิน ส.ป.ก. มาโดยมิชอบ


(ภาพประกอบจาก มติชนออนไลน์)

คราวนี้เป็นเรื่องของ 2 พ่อลูกอีกเช่นกัน ตระกูล "วิลาวัลย์" คนดังจังหวัดปราจีนบุรี

นายสุนทร วิลาวัลย์ อดีต ส.ส. 8 สมัย และอดีตรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข ปี 2539 สมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ กับลูกสาว น.ส.กนกวรรณ วิลาวัลย์ ส.ส. 2 สมัย ปัจจุบัน เป็น รมช.ศึกษาธิการ จากพรรคภูมิใจไทย

ทั้งคู่ถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีรถแบคโฮ 3 คันเข้าไปทำงานขุดปรับพื้นที่บริเวณเนินเขาในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ บ้านเนินหอม ทางขึ้นฝั่งจังหวัดปราจีนบุรี ใกล้อ่างเก็บน้ำหนองไม้ปล้อง เมื่อเจ้าหน้าที่อุทยานเข้าตรวจสอบ ได้มีบุคคลอ้างเป็นตัวแทน นายสุนทร วิลาวัลย์ นำเอกสารโฉนดที่ดิน 3 แปลงที่มีชื่อนายสุนทรไปแสดง จนนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องเบื้องต้นทั้งหมด 5 คน

เนื่องจากหลักฐานสำคัญ คืออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้ขึ้นทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2505 และถือเป็นอุทยานฯแห่งแรกของประเทศไทย แต่เอกสารแสดงสิทธิ์ดังกล่าว กลับพบว่าออกในปี 2536 เท่ากับออกโฉนดทับที่ดินกรมอุทยานฯ ในภายหลัง ซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องสุดแสนอะเมซซิ่งในประเทศไทย เพราะเป็นเรื่องไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ก่อนที่นายสุนทร จะออกโรงแจกแจง ยืนยันเอกสารสิทธิ์ทั้งชื่อของเขา และลูกสาว คือ น.ส.กนกวรรณ ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งยืนกรานปฏิเสธไม่ได้บุกรุกพื้นที่ป่าเขตอุทยานฯ แต่อย่างใด

หากเป็นเช่นนั้น คำถามสำคัญ คือออกโฉนดมาได้อย่างไร ในเมื่อเป็นพิ้นที่อุทยานฯ และวิธีการออกเอกสารสิทธ์ ไม่ว่าจะตรงกับพิกัดหรือใช้วิธี "โฉนดบิน" ล้วนแต่ต้องมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือดำเนินการทั้งสิ้น

ซึ่งไปสอดคล้องกับกระแสข่าววงในที่ลือกระฉ่อนมาตลอดว่า มีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทั้งระดับสูงและระดับล่าง จับมือร่วมกับนักการเมืองดำเนินการ "เล่นแร่แปรธาตุ" เสกที่ดินในเขตพื้นที่ป่าและอุทยานฯให้สามารถมีเอกสารสิทธิ์รองรับการถือครองของกลุ่มผู้มีอำนาจบารมี รวมถึงกลุ่มทุนที่สามารถมีชื่อไปถือครองที่ดินประเภทต่างๆแทนชาวบ้านได้อย่างน่าทึ่ง และเอาตัวรอดไม่โดนตรวจสอบหรือถูกดำเนินคดี กระทั่งพื้นที่ป่าและอุทยานฯเดิม เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างนานาชนิด ทั้งโรงแรม รีสอร์ท สนามกอล์ฟ บ้านพักตากอากาศ และอื่นๆ

เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับพื้นที่โดยรอบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ว่ากันว่า เป็นพื้นที่ชุมนุมของบรรดาคนดัง ตระกูลเด่นของไทย แทบทั้งสิ้น

กลับไปที่บ้านเนินหอม ไม่เพียง 3 แปลงแรกที่จู่ๆก็มีโฉนดที่ดินระบุชื่อผู้ถือครองทั้งที่อยู่ในเขตอุทยานเต็มแปลงทั้ง 3 แปลงนี้เท่านั้น เพราะจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ยังพบเพิ่มอีกอย่างน้อย 2 แปลงที่ออกโฉนดในปี 2545 คราวนี้ตำแหน่งที่ออก ทับคร่อมที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่เนินหอม ทับเส้นทางขึ้นเขาใหญ่ และทับด่านตรวจที่เนินหอมอีกต่างหาก

นั่นหมายถึง ทั้งที่ตั้งหน่วย ทางขึ้น และด่านตรวจ จู่ๆก็ไปตั้งอยู่บนที่ของเอกชนหน้าตาเฉย แทนที่จะเป็นของเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบปัญหาบุกรุกพื้นที่ป่าและเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในเขตจังหวัดปราจีนบุรี เพราะก่อนหน้านี้ มีนักการเมืองใหญ่บางคนของจังหวัด เคยมีข่าวพัวพันกับโครงการตัดถนนผ่านเข้าพื้นที่เขตอุทยานฯโดยที่ 2 ฝั่งถนนแทบไม่มีปรากฎบ้านเรือนของประชาชนได้รับประโยชน์นัก แต่จุดหมายปลายทางเป็นพื้นที่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของตนเองและมีแผ้วทางตัดโค่นต้นไม้จำนวนหนึ่งมาแล้ว ขณะที่ชาวบ้านหวาดหวั่นอิทธิพล ไม่กล้าร้องเรียน หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย

สำหรับนักการเมืองตระกูลดังของจังหวัด ในช่วงปี 2555 และปี 2560 มีข่าวคราวปรากฎว่า มีเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติฯ รวมทั้งเจ้าหน้าที่กองปราบฯ(ปี 2560) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าและอุทยานฯ ในเขต ต.บุฝ้าย อ.ประจันตคาม พบมีการสร้างสวนน้ำขนาดใหญ่ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และหุ่นไดโนเสาร์จำนวนหนึ่ง เป็นการพัฒนาเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยว บนเนื้อที่รวมประมาณ 200 ไร่ พบว่ามีการปรับเปลี่ยนทางเดินของน้ำด้วย ขณะที่เอกสารสิทธิ์ที่นำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ พบว่าส่วนใหญ่ เป็นการออกโฉนดตามนโยบายแปลงทรัพย์สินเป็นทุนตามนโยบายรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2545

นอกเหนือจากนี้ ยังพบพื้นที่บางส่วนประมาณ 68 ไร่ ที่มีการบุกรุกเพิ่มเติม จึงรวบรวมข้อมูลให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการตามกฎหมายในคดีบุกรุกป่า

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการระดับจังหวัด ได้เสนอให้มีการเพิกถอนโฉนดที่ดิน 22 แปลงที่ออกตามนโยบายแปลงทรัพย์สินเป็นทุน

แต่ทั้ง 2 กรณี เรื่องต่างเงียบหายไป คล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


(ภาพประกอบจาก โพสต์ทูเดย์)

(ภาพประกอบจาก ไทยรัฐออนไลน์)