นายกฯวอนคนตำหนิแก้ฝุ่นพิษเปิดใจ ปัญหาล้วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์ทั้งสิ้น การใช้ยาแรง ต้องเป็นพื้นที่ไป ไม่ให้เกิดผลกระทบโดยรวม
เมื่อวันที่ 21 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่โดยเฉพาะใน กทม.และปริมณฑล ว่า จากข้อมูลปัจจุบัน ทราบแล้วว่ามาจากการจราจรมากที่สุด รองลงมาคือการเผา และอุตสาหกรรม จากมาตรการที่ออกมา หลายคนอยากให้ใช้ยาแรง ก็จะเกิดข้อขัดแย้ง ต้องยอมรับว่ารถบรรทุกในปัจจุบันไม่ได้เจาะจงว่าประเภทใดประเภทหนึ่งจะสร้างฝุ่นละออง PM 2.5 แต่มันเป็นทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปล่อยควันดำ ตนสั่งมาตรการไปว่าให้เข้มงวดกวดขันทั้งปรับและจับกุม ให้เข้มงวดที่สุดตามกฎหมายปกติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ต้องทำให้ต่ำกว่า 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรก่อน แล้วพื้นที่ที่เกิน 50 - 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่อยใช้มาตรการเข้มงวดไป เช่นโรงเรียน อยู่ในอำนาจของ ผอ.โรงเรียนที่สามารถสั่งปิดได้ในช่วงที่มีอันตรายสูงสุด มีภัยต่อเด็กนักเรียน สามารถหยุดได้ แต่ต้องหาเวลาสอนทดแทน ที่ผ่านมาก็เคยดำเนินการไปแล้ว ทุกอย่างมีขั้นตอนเป็นระดับๆ แต่ถ้าเกิน 100 มาตรการจะเข้มสุด วันนี้ตนให้ทุกหน่วยงานรายงานผลปฏิบัติแล้ว มีลดควันดำเท่าไหร่ ถูกจับกุมเท่าไหร่ ห้ามรถประเภทไหนวิ่งบ้าง แต่ถ้าทุกคนเสนอให้ใช้ยาแรงก็จะเกิดปัญหาอย่างที่เคยเกิด อย่าบอกว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไร ทำมาตลอดทุกอย่าง เพียงแต่ไม่ได้รายงานผล ต่อไปนี้ตนย้ำให้รายงานผลทุกวัน ให้สื่อ ให้สังคมทราบ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีศิลปิน ดารา ประชาชนออกมาตำหนิ ขอให้ฟังตนบ้าง ทั้งรัฐบาล และตนก็อึดอัด อยากให้เปิดใจ ทำความเข้าใจร่วมกันว่าเป็นปัญหาหนึ่งที่สำคัญที่สุดในวันนี้ ที่เกิดขึ้นกับทุกคน ล้วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์ทั้งสิ้น การจะใช้ยาเบา ยาแรง ก็ต้องเป็นพื้นที่ไป เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบโดยรวม แต่ที่สำคัญคือเราต้องร่วมมือกัน รับรู้ มีจิตสำนึก ในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม