อธิบดีกรมควบคุมมลพิษขอบคุณ “โจอี้ บอย” ให้แนวคิดภาครัฐช่วยแก้ไขปัญหาไม่ให้ค่า PM 2.5 สูงขึ้น แจงภาครัฐดำเนินป้องกันแก้ไขอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 20 ม.ค.นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่าจากที่ดารานักร้องชื่อดัง "โจอี้ บอย" แร็พเปอร์เมืองไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 กำลังอยู่ในสถานการณ์วิกฤต ว่า "สงสัยเหลือเกิน ว่าไม่มีใครกลัวเลยเหรอ?" หรือ"คนที่ต้องรับผิดชอบเค้าไม่กลัวพวกเราเป็นอะไรเลยเหรอ?" และมีประชาชนเข้าไปคอมเม้นท์แสดงความคิดเห็นมากมายนั้น ต้องขอบคุณทางโจอี้บอย ที่มีความเป็นห่วงใยในเรื่อง สถานการณ์ฝุ่นละออง ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ทางกรมควบคุมมลพิษขอนำเรียนในการแก้ไขปัญหาของส่วนราชการ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนผู้บริหาร ทส. มีความเป็นห่วงใยและ เร่งดำเนินการในการแก้ไขปัญหา ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้จาก ที่มีความกดอากาศสูงมาปกคลุม สภาพอุตุนิยมวิทยา เกิดภาวะฝาชีครอบ (inversion) ล่าสุดอยู่ในระดับต่ำกว่า 1 กม.ปกติควรสูงกว่า 3.0 กม.
นายประลอง กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ทางภูมิอากาศดังกล่าวส่งผลทำให้ฝุ่นไม่สามารถลอยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศได้ ประกอบกับสถานการณ์ด้านการจราจรค่อนข้างจะหนาแน่นต่อเนื่อง แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังดำเนินการต่อเนื่อง ตามที่ได้มี มาตรการในการแก้ไขปัญหาที่ผ่านคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2562 และในขณะเดียวกันก็เพื่อให้การแก้ไขปัญหาตามมาตรการต่างๆเหล่านั้นให้มีการยกระดับ และได้ผลอย่างชัดเจนในช่วงเกิดเหตุการณ์ ทางคณะกรรมการควบคุมมลพิษโดยท่านปลัดทส.เป็นประธาน ก็ได้ประชุมและวางมาตรการเพิ่มเติม กว่า 12 มาตรการ เพื่อจะนำเข้าคณะรัฐมนตรี ในครม. สัญจร วันที่ 21 ม.ค.นี้ ซึ่งมาตรการต่างๆเหล่านั้น เป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้น สาเหตุหลักก็คือรถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่จะห้ามไม่ให้เข้า มาในเวลาช่วงกลางวันในเขตกรุงเทพฯ เฉพาะในวันเลขคี่ รวมทั้ง มาตรการ ในการควบคุม รถโดยสารไม่ประจำทาง ที่จะต้องไม่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐาน
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในมาตรการที่จะเสนอจะให้แหล่งปล่อยมลพิษส่วนหนึ่งที่มาจากภาคอุตสาหกรรม ก็ให้มีการลดกำลังผลิตลงรวมทั้งให้มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด หากผิดไปจากเงื่อนไขในการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ให้สั่งพักใบอนุญาตและโรงงานต้องไปฟื้นฟูเพื่อให้ได้ ค่าการระบายมลพิษออกมาที่อยู่ในเกณฑ์ ตามมาตรฐาน การขอความร่วมมือให้ข้าราชการได้ลดการใช้ปริมาณรถยนต์ส่วนตัวลง รวมทั้ง รถราชการทุกคันที่วิ่งอยู่จะต้องมีการตรวจเช็คและ ปรับปรุงระบบเครื่องยนต์ในการปล่อย ควันดำจะต้องไม่เกินมาตรฐาน
นายประลอง กล่าวด้วยว่า ในด้านการเผา เศษวัชพืชต่างๆ ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบ ก็คือกรุงเทพฯและจังหวัดต่างๆ ในมาตรการก็ให้ตรวจสอบอย่างเข้มงวด และออก กฎหมาย ในแต่ละท้องถิ่นเพื่อใช้บังคับ อย่างเข้มงวด สำหรับรถยนต์ดีเซลที่มีอายุเกิน 5 ปีซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่สำคัญอีกกลุ่มหนึ่ง ทาง ธอส.ก็ได้มีโครงการเพื่อให้รถยนต์เหล่านั้นได้มาถ่ายเครื่องถ่ายน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนกรอง โดยได้ขอความร่วมมือกับ อู่และผู้ประกอบการขายรถได้ร่วมมือกันในการ ลดภาระให้แก่พี่น้องประชาชน ในช่วงเกิดวิกฤต มาตรการต่างๆเหล่านี้เป็นมาตรการที่ภาครัฐได้พยายามที่จะ ให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกันและเป็นข้อบังคับ ให้หน่วยราชการนำไปปฏิบัติ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา ไม่ให้เกิด PM 2.5 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพพี่น้องประชาชน และ ถึงขณะนี้ ค่าฝุ่น PM 2.5 จากการวัดของหน่วยงานกรมควบคุมมลพิษและกรุงเทพมหานครซึ่งมีสถานี กว่า 54 สถานี ที่ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ ค่าฝุ่น PM 2.5 ทุกสถานี ยังอยู่ในค่าสีส้มคือไม่เกิน 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ยกเว้นริมถนนสามเสน เขตพระนคร มีค่า PM 2.5 อยู่ที่ 95 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ) ดังนั้นค่าฝุ่น PM 2.5 จาก สถานีของคพ.และกทม. เป็นค่าที่ถูกต้องเพราะเป็นสถานีที่ ที่ได้รับการรับรองจากองค์การ US-EPA และมีมาตรฐานที่ถูกต้อง และมีความแม่นยำ เนื่องจากมีการสอบเทียบ อย่างสม่ำเสมอ และ เป็นเครื่องมือ ที่มีระบบดักจับค่าความชื้น ไม่ให้ไปเพิ่มตัวเลข ในการแสดงค่า PM 2.5 (ซึ่งปกติแล้ว ถ้าเครื่องมือที่ไม่มีอุปกรณ์ดักจับค่าความชื้น จะส่งผลทำให้การอ่านค่า PM 2.5 สูงขึ้นมากกว่าปกติกว่า 2 เท่า)ทั้งหมดที่นำเรียนมาเป็นข้อมูล ที่ถูกต้องและเป็นข้อมูลในเชิงสถิติและวิทยาศาสตร์ โดยเจ้าหน้าที่ของกรมควบคุมมลพิษ ดังนั้น จึงเรียนมาเพื่อ คุณโจอี้ บอยได้โปรดรับทราบข้อมูล
กรมควบคุมมลพิษ ในฐานะเป็นหน่วยงานตัวแทนของรัฐบาล เราได้ มีการเสนอมาตรการในการแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมทั้งการรายงานค่าฝุ่น PM 2.5 ได้ตามมาตรฐาน ซึ่งณ.ขณะนี้ก็ยังไม่สูงมากนัก จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชน ที่ยังไม่ได้ใช้บริการของแอพพลิเคชั่น " AIR4THAI " ให้ท่านได้โหลดและใช้ อ่านค่า PM2.5 ผ่านแอพพลิเคชั่น AIR4THAI เพื่อเป็นข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ ได้ ในท้ายนี้ต้องขอบคุณ คุณโจอี้บอย ที่ได้ ให้แนวคิด และให้ภาครัฐช่วยแก้ไขปัญหา ถือว่าท่านเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้ค่า PM 2.5 สูงขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนที่จะได้รับ อากาศที่บริสุทธิ์ และ มีความเป็นอยู่อย่างสบายไม่ต้องมีผลกระทบต่อสุขภาพ สุดท้ายเราขอให้คำมั่นสัญญาว่าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จะเร่งแก้ไขปัญหา และแจ้งเตือนพี่น้องประชาชน ต่อไป
จากการวิจัยสัดส่วนการระบาย PM2.5 ในพื้นที่ กทม.มาจากการขนส่งทางถนน ร้อยละ 72.5 อุตสาหกรรม ร้อยละ 17 การเผาในที่โล่ง ร้อยละ 5 และอื่นๆ การออกมาตรการใดๆย่อมส่งผลกระทบต่อคนแต่ละกลุ่ม เช่นหากใช้ยาแรงถึงระดับลดการใช้รถส่วนบุคคล ในวันทำงาน สัปดาห์ละ 1 วัน ซึ่งใน กทม. มีรถยนต์ส่วนบุคคลกว่า 6.4 ล้านคัน ก็สามารถลดรถบนท้องถนนลงได้ กว่า 1.2 ล้านคันต่อวัน จำนวนรถลดลง การระบายรถคล่องขึ้น มลพิษก็ลดลง แต่ก็ต้องกระทบต่อความสะดวกของประชาชน เป็นต้น
รัฐบาลได้ติดตามและให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว มีการเตรียมการรับมือและระดมหน่วยงานต่างๆมาก่อนนี้แล้ว ล่าสุดคณะกรรมการควบคุมมลพิษ ได้ประชุมและเสนอมาตรการต่างๆที่จะลดฝุ่น PM2.5 ลงได้และไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน ซึ่งจะนำเข้าสู่การพิจารณาในการประชุม ครม. ในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วนช่วยการลดมลพิษทางอากาศจากการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆที่ก่อให้เกิดฝุ่น ประชาชน ควรลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น และติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองอย่างใกล้ชิดแบบ RealTime ได้ทางเว็บไซต์ Air4Thai.com แอปพลิเคชั่น Air4Thai และ bangkokairquality.com