ลุ้นระทึก 21 มกราคม 2563 พรรคอนาคตใหม่ จะได้ไปต่อหรือไม่?
เป็นด่านสำคัญด่านแรก หลังมีคนยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของคณะบริหารพรรค ข้อหาล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ศาล รธน. มีมติรับคำร้องนี้ไว้พิจารณา ตั้งแต่ 19 กรกฎาคม 2562 โดยปฏิเสธที่จะเปิดศาลไต่สวนพยานหลักฐานเพิ่มเติมจากคำร้อง
นำไปสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ล้นหลามใน 2 แนวทาง ฝ่ายแรก ทั้งกูรูการเมือง นักวิชาการบางส่วน และแฟนคลับสนับสนุนซีกรัฐบาล ฟันธงว่า พรรคอนาคตใหม่ไปไม่รอดแน่นอน เพราะทั้งเจตนา คำให้สัมภาษณ์ และจุดยืนของแกนนำ รวมถึงนโยบายของพรรค ชัดเจนว่าขัดแย้งกับแนวทางที่รัฐธรรมนูญระบุไว้ ศาล รธน. จึงไม่จำเป็นต้องไต่สวนเพิ่มเติม พิจารณาจากคำร้องแล้วมีคำวินิจฉัยได้เลย
ขณะที่อีกฝ่าย อย่างนักวิชาการอีกส่วนหนึ่ง แกนนำและ ส.ส. ในพรรค รวมทั้ง FC พรรคอนาคตใหม่ กลับเชื่อว่า จะไม่ถูกยุบพรรค โดยเฉพาะเมื่อดูจากองค์ประกอบต่างๆนับตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่ 15 มีนาคม 2561 เป็นต้นมา ยิ่งกรณีอ้างถึงสัญลักษณ์"อิลลูมินาติ" ยิ่งฟังไม่ขึ้น
ส่งผลให้คอการเมืองทั้งหลาย กระหายใคร่อยากรู้ว่า สุดท้าย ศาล รธน. จะมีคำวินิจฉัยอย่างไร ยิ่งฝ่าย อนค.พยายามโหมกระพือประเด็นศาล รธน.ปิดโอกาส กระทั่งต้องแถลงปิดคดีนอกศาล ท้าทายถึงขนาดแม้จะมีคำตัดสินให้ยุบพรรค ก็จะรวมตัวร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองในพรรคใหม่ต่อไป คำสั่งยุบพรรคจึงไม่ก่อประโยชน์ใดๆ
แนวโน้มตอนนี้ จึงยังก้ำกึ่ง ออกได้ทั้ง 2 หน้า แต่น้ำหนักออกไปทาง "ไม่ได้ไปต่อ" จะเหนือกว่านิดๆ
แต่อย่างไรก็ตาม หากวันที่ 21 มกราคม 2563 ยังไม่ใช่วันสิ้นสุดของพรรคอนาคตใหม่ ก็ยังมีอีกหนึ่งคดีให้ลุ้นต่ออีก นั่นคือคดีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคให้พรรค อนค. กู้ยืมเงิน 191.2 ล้านบาท ซึ่ง กกต. มีมติ 5:2 ให้ส่งเรื่องไปยังศาล รธน.แล้ว
ประมาณการช่วงเวลา น่าจะอยู่ราวๆ ปลายเดือนมกราคม 2563 ถึงต้นเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งกูรูและนักวิชาการส่วนใหญ่ฟันธงไว้ล่วงหน้าว่าจะเป็น "คดีของจริง"
คดีนี้ ศาล รธน. ไม่ได้ปิดกั้นการให้แจกแจงข้อกล่าวหาเหมือนคดีแรก และเปิดกรอบเวลาให้ชี้แจงหรือส่งหลักฐานเอกสารแจกแจงได้ภายใน 15 วัน
คดีดังกล่าว กกต. ใช้ช่องทางกล่าวหาตามมาตรา 72 พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 ที่กำหนดห้ามพรรคการเมืองหรือผู้มีตำแหน่งในพรรคการเมือง รับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ว่ากันว่า ถ้อยคำในมาตรา 27 นี่แหละ ที่ทำสามารถตีความได้หลากหลายและสามารถเชื่อมโยงไปกระทั่งถึงปลายทางการสั่งยุบพรรคได้
แต่ถึงกระนั้น ท่าทีของพรรคอนาคตใหม่ ที่แสดงผ่านนายธนาธร หัวหน้าพรรคก็ดี หรือนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคก็ดี ดูคล้ายจะทำใจไม่ยี่หระต่อคำวินิจฉัยที่จะออกมาจากศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะคำพูดพร้อมเดินหน้าทางการเมืองต่อผ่านพรรคการเมืองใหม่ที่ยังจะเป็นศูนย์รวมของคนมีอุดมการณ์เดียวกัน นอกจากนี้ ยังจะได้เห็นการเคลื่อนไหวนอกสภาของแกนนำทั้ง 2 คน ธนาธร-ปิยบุตรต่อไปอีกเช่นกัน
ตัวอย่างที่เริ่มแสดงให้เห็น คือการลงพื้นที่รณรงค์และแจกหน้ากากอนามัย รวมทั้งเรียกร้องรัฐบาลให้เร่งแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ พีเอ็ม 2.5 เมื่อวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เท่ากับประกาศจุดยืนและพร้อมขับเคลื่อนภารกิจต่อไป ไม่ว่าจะถูกศาล รธน. พิจารณา "ยุบพรรค" หรือไม่
เท่ากับดุลการเมืองจะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก "บิ๊กตู่และรัฐบาล" กับธนาธรและพลพรรคสีส้ม
