“สุดารัตน์” จี้รัฐบาลแก้ปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภัยแล้ง

2020-01-17 10:06:05

“สุดารัตน์” จี้รัฐบาลแก้ปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภัยแล้ง

Advertisement

“คุณหญิงสุดารัตน์” จี้รัฐบาลแก้ปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากภัยแล้ง เติมเงินในกระเป๋า ให้เกษตรกรช่วงที่ไม่มีรายได้จากการเพาะปลูก พร้อมกำกับดูแลไม่ให้เกิดปัญหาทุจริต

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan” ระบุว่า ได้ทราบจากข่าวว่าวันนี้ รองนายกฯ ประวิตร จะนั่งหัวโต๊ะประชุมเรื่องแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จึงจะขอฝากแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นนี้จะไปซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจให้แย่ลง เพราะเกษตรกรซึ่งถือเป็นกำลังซื้อหลัก จะยากจนมากขึ้น จากปัญหาภัยแล้งซึ่งเกิดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้ว รวมทั้งราคาพืชผลเกษตรที่ตกต่ำต่อเนื่อง มาตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ปัญหาที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขจึงมี 2 มิติ คือ 1) การแก้ไขปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากภัยแล้ง ด้วยการหาวิธี เติมเงินในกระเป๋า ให้กับเกษตรกร ในช่วงที่ไม่มีรายได้จากการเพาะปลูก เพราะปัญหาภัยแล้ง โดย 1.1) เร่งจ่ายเงิน “ชดเชยภัยแล้ง”ให้กับเกษตรกร ตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่เกษตรกรจะลงมือเพาะปลูก เพื่อให้เกษตรกรมีทุนไปประกอบอาชีพอื่น ในระหว่างที่รอฤดูฝน 1.2) จัดสรรงบประมาณตรงไปที่กองทุนหมู่บ้าน เพื่อเป็นค่าแรงให้เกษตรกรในหมู่บ้าน ทำการขุดสระน้ำเพื่อกักเก็บน้ำในฤดูฝน ในหมู่บ้านและไร่นา เป็นการทำให้เกษตรกรมีรายได้ ในระหว่างที่ปลูกพืชผลทางการเกษตรไม่ได้ และยังทำให้ได้สระน้ำไว้กักเก็บน้ำในฤดูฝนอีกด้วย 1.3) เร่งจัดทำแผนโซนนิ่งการเพาะปลูก เพื่อสนับสนุนงบประมาณให้เกษตรกร ปรับเปลี่ยนการผลิต ไปปลูกพืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และอากาศ รวมทั้งเป็นพืชที่ขายได้ราคาเพื่อสร้างรายได้ที่ยังยืนให้เกษตรกร มิใช่การแก้ไขปัญหาแบบง่ายๆลวกๆ อย่างที่กำลังทำอยู่ “ไม่มีนำ้ ก็ห้ามเกษตรกรเพาะปลูก” โดยไม่ได้หาอาชีพ หรือรายได้อะไรให้เขา เล่นบังคับอย่างเดียว โดยไม่ช่วยเหลือ ปล่อยให้ชาวบ้านต้องเผชิญทุกข์อย่างเดียวดาย

2) การแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมซ้ำซาก โดย 2.1)รัฐบาลต้องทำ”แผนแม่บทในการบริหารจัดการน้ำ” ที่มีกรอบระยะเวลาและแผนงานที่ชัดเจนเพื่อให้การแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพมากที่สุดและเร็วที่สุด ซึ่งในข้อเท็จจริงประเทศไทยมีแผนบริหารจัดการน้ำแล้ว ซึ่งคิดมาตั้งแต่สมัยนายกทักษิณ และจะเริ่มทำโครงการในสมัยนายกยิ่งลักษณ์ แต่หลังจากที่พลเอกประยุทธ์ทำการรัฐประหารก็ยกเลิกโครงการนี้ ซึ่งถ้าไม่ยกเลิก ป่านนี้หลายพื้นที่คงได้รับการแก้ไขปัญหาไปแล้ว ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ไขปัญหาแบบ”ไฟไหม้ฟาง” พอปัญหาเกิด ก็ค่อยมาแก้ไข อย่างเช่นในปัจจุบัน เพิ่งมาเร่งขุดบ่อบาดาล ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาไม่ได้มาก เพราะไม่เพียงพอ และไม่ทันกับเวลา 2.2) รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาการทุจริต เพราะโครงการขุดลอกแหล่งน้ำ มีการร้องเรียนเรื่องทุจริตมากมายหลายแห่งปรากฎตามสื่อต่างๆ ว่าไม่มีการขุดลอกจริง มีเพียงการเอาแม็คโครไปขุดเพียงเล็กน้อย ซึ่งตรวจสอบได้ยากเนื่องจากไปขุดลอกในหน้านำ้ ที่มีนำ้เต็มแหล่งนำ้ ซึ่งปกติเขาจะขุดลอกกันในหน้าแล้ง

“ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากภัยแล้ง สามารถทุเลาเบาบางลงได้ หากรัฐบาลมีความตั้งใจจริงและมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ดังนั้นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำคือรัฐบาลต้องเร่ง #เติมเงินในกระเป๋า ให้กับเกษตรกร ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบซ้ำเติมต่อปัญหาเศรษฐกิจมากขึ้นไปอีก และต้องกำกับดูแลไม่ให้เกิดปัญหาทุจริตในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชน อย่างที่มีข่าวปรากฎมาก่อนหน้านี้”คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ

ขอบคุณเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan