สำนักงานอุตุนิยมวิทยาโลก หรือดับเบิลยูเอ็มโอ แถลงเมื่อวันพุธว่า ช่วงเวลา 10 ปีสิ้นสุดปี 2562 ถือเป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสถิติ และโลกจะต้องเผชิญหน้ากับสภาพอากาสแปรปรวนระดับวิกฤตหลายเหตุการณ์ เช่นไฟป่าที่ไหม้ลามรุนแรงทั่วออสเตรเลีย โดยดับเบิลยูเอ็มโอ ที่ตั้งอยู่ในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้รวบรวมชุดข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมทั้งจากองค์การบริหารการบินและอวกาศ หรือนาซา ของสหรัฐ และสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของสหราชอาณาจักร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า อุณหภูมิโลกเฉลี่ยในปี 2562 สูงกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม 1.1 องศาเซลเซียส
จากข้อมูลของนาซา, องค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือเอ็นโอเอเอ (NOAA) และสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของสหราชอาณาจักร ระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นอันดับ 2 ส่วนปีที่ร้อนที่สุดต้องย้อนกลับไปในปี พ.ศ.2393 และสำนักงานอุตุฯของอังกฤษ ยังระบุว่า ในปี 2563 นี้ โลกก็จะยังคงมีแนวโน้มที่สภาพภูมิอากาศจะร้อนระอุเช่นกัน
ข้อมูล ณ วันนี้ ไม่ได้สร้างความประหลาดใหญ่แต่อย่างใด เพราะดับเบิลยูเอ็มโอ ส่งสัญญาณตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม ปีที่แล้วว่า ปี 2562 จะสิ้นสุดทศวรรษที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของอังกฤษ ก็บอกว่า ปี 2562 มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่าช่วงจากปี พ.ศ.2393-2443 ถึง 1.05 องศาเซลเซียส
เมื่อปีที่แล้ว เกิดคลื่นความร้อนครั้งใหญ่ 2 ครั้ง ถล่มยุโรปในเดือนมิถุนายน และกรกฎาคม โดยอุณหภูมิเพิ่มสูงเป็นสถิติใหม่ในฝรั่งเศส ที่ 46 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน เช่นเดียวกับในเยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, เบลเยียม, ลักเซมเบิร์ก และสหราชอาณาจักร ซึ่งแต่ละประเทศอุณหภูมิพุ่งสูง 38.7 องศาเซลเซียส ขณะที่ ออสเตรเลียเผชิญหน้ากับปีที่อุณหภูมิในช่วงฤดูร้อนถือว่าสูงที่สุด แห้งที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดไฟป่ารุนแรงอยู่ในขณะนี้
บรรดานักวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับการเกิดสภาพอากาศแปรปรวนวิกฤตในปี 2562 เช่นการเกิดคลื่นความร้อนในยุโรป และเฮอริเคน ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 เมื่อพัดถล่มเกาะบาฮามัส ในเดือนกันยายน
รัฐบาลต่าง ๆ ทั่วโลกผ่านความเห็นชอบร่วมกันในความตกลงปารีส 2558 กำหนดมาตรการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่ พ.ศ. 2563 เพื่อลดภาวะโลกร้อน พยายามจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ 1.5 องศาเซลเซียสจากระดับอุณหภูมิช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม