ประชาชนส่วนใหญ่รับรู้บัตรเอทีเอ็มแถบแม่เหล็กจะใช้ไม่ได้แล้วหลัง 15 ม.ค. 63 เป็นต้นไป
เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากปี 2559 ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และสถาบันการเงิน ผลักดันการปรับเปลี่ยนบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มจากรูปแบบบัตรแถบแม่เหล็ก ให้เป็นบัตรชิปการ์ด ด้วยเหตุผลในด้านความปลอดภัย ป้องกันมิจฉาชีพโจรกรรมข้อมูลไปทำบัตรปลอม โดยหลังจากวันที่ 15 ม.ค. 2563 บัตรแถบแม่เหล็กจะไม่สามารถใช้งานได้ที่เครื่องเอทีเอ็มหรือเครื่องรูดบัตรที่ร้านค้านั้น
ทีมข่าวนิว 18 ได้ลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับเรื่องนี้ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่รับรู้ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายสำหรับบัตรแถบแม่เหล็กจะไม่สามารถใช้งานได้ โดยส่วนใหญ่ได้ทำการเปลี่ยนบัตรผ่านทางเคาน์เตอร์ธนาคารเรียบร้อยแล้ว และมองว่าขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงไม่ได้มีความยุ่งยากและเกิดปัญหาอีกทั้งยังไม่เสียค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนบัตร พฤติกรรมของประชาชนส่วนใหญ่นิยมใช้แอพพลิเคชันกดเงินแบบไม่ใช้บัตรมากกว่าใช้บัตรเอทีเอ็มเพราะมองว่าสะดวกสบายและง่ายในยุคปัจจุบัน
เสียงของประชาชนส่วนใหญ่บอกว่า เป็นเรื่องดีที่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สอดรับกับยุคสมัยที่เทคโนโลยีมีการเติบโต การเปลี่ยนมาใช้บัตรแบบชิพการด์ก็จะมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้มากขึ้นเช่นกัน
ส่วนใครที่ยังไม่มั่นใจว่าบัตรที่ตัวเองถืออยู่เป็นแถบแม่เหล็กหรือชิปการ์ด ให้ลองหยิบบัตรเอทีเอ็มในกระเป๋า แล้วสังเกตที่ด้านหน้าของบัตร ถ้ามีชิปสี่เหลี่ยมเล็กๆ อยู่ด้านหน้า คือแบบ “ชิปการ์ด” แต่ถ้าไม่มีชิปสี่เหลี่ยมด้านหน้า แต่มีแถบสีดำๆ คาดอยู่ด้านหลังของบัตร ควรรีบไปที่สาขาของธนาคารเจ้าของบัตร เพื่อดำเนินการเปลี่ยน หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คอลเซ็นเตอร์ของธนาคารที่ใช้บริการ หรือศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. โทร. 1213