นศ.สาวจีนอดอาหารประหยัดเงินให้น้องเรียน เสียชีวิตแล้ว

2020-01-15 09:35:50

นศ.สาวจีนอดอาหารประหยัดเงินให้น้องเรียน เสียชีวิตแล้ว

Advertisement

สื่อจีนรายงานว่า น.ส.อู๋ ฮัวหย่าน นักศึกษาที่ขาดสารอาหารผอมโซ เสียชีวิตแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากที่เธอต้องอดอาหารใช้ชีวิตกินอยู่ด้วยเงินเพียง 2 หยวน หรือประมาณ 9 บาทต่อวันเท่านั้น เพื่อประหยัดเงิน เสียสละให้น้องชายได้เรียนหนังสือ ชะตากรรมของอู๋ ฮัวหย่าน ช็อกชาวจีนทั้งประเทศ เมื่อภาพของเด็กสาว ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัมเท่านั้น ปรากฏผ่านทางสื่อเมื่อปีที่แล้ว เธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจในเดือนตุลาคม 2562

ชาวจีนพี่น้องร่วมชาติ แสดงน้ำใจด้วยการช่วยกันบริจาคเงินเพื่อช่วยรักษาอาการป่วยของเธอ แต่น้องชายของเธอ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า พี่สาวเสียชีวิตแล้วเมื่อวันจันทร์

ก่อนหน้านี้ น.ส.อู๋ กล่าวกับหนังสือพิมพ์ฉงชิ่ง มอร์นิ่ง โพสต์ว่า เธอหันไปหาสื่อเพื่อขอความช่วยเหลือหลังเฝ้าดูพ่อและย่าของเธอ เสียชีวิต เพราะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล เธอไม่ต้องการประสบชะตากรรมเช่นนั้น ซึ่งต้องรอความตายเพราะความยากจน




น้องชายของเธอ ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวกับหนังสือพิมพ์ ปักกิ่ง ยูธ เดลีว่า พี่สาวเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 24 ปีเท่านั้น

คณะแพทย์ แถลงเมื่อปีที่แล้วว่า น.ส.อู๋ ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีที่ 3 ล้มป่วยด้วยโรคหัวใจและไต อันเป็นผลมาจากการรับประทานอาหารน้อยมาก ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายตลอด 5 ปีที่ผ่านมา



น.ส.อู๋ ฮัวหย่าน และน้องชายของเธอ ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดมานานหลายปี โดย ทั้ง 2 พี่น้องเสียแม่บังเกิดเกล้าไป ตั้งแต่เธออายุได้ 4 ขวบ และพ่อก็ต้องมาตายจากไปอีกเมื่อเธอเรียนหนังสือในชั้นประถม จากนั้น เธอและน้องชายได้ย่าเป็นผู้เลี้ยงดู และในเวลาต่อมาก็ได้ลุงและป้าช่วยเลี้ยงดู แต่ก็ให้เงินพวกเขาใช้เพียง 300 หยวน หรือประมาณ 1,300 บาทต่อเดือนเท่านั้น และเงินจำนวนนี้ ส่วนใหญ่ก็หมดไปกับค่ายารักษาน้องชายคนเล็ก ที่มีปัญหาสุขภาพจิต

ซึ่งนั่นก็หมายความว่า น.ส.อู๋ ต้องใช้เงินเพียง 2 หยวนต่อวันสำหรับตัวเธอ มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินข้าวกับน้ำพริกเป็นส่วนใหญ่ตลอด 5 ปี เมื่อเธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เธอมีส่วนสูงเพียง 135 เซนติเมตรเท่านั้น แพทย์บอกว่า เธอขาดสารอาหารขั้นรุนแรง ซึ่งคิ้วและผมของเธอร่วงถึง 50 เปอร์เซ็นต์

ทั้ง 2 พี่น้องมีภูมิลำเนาอยู่ในมณฑลกุ้ยโจว หนึ่งในมณฑลที่ยากจนที่สุดในจีน และกรณีนี้ สะท้อนให้เห็นความยากจนในจีน ขณะที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่ปัญหาความยากจนก็ยังไม่ได้สูญหายไปจากสังคม โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ บอกว่า ในปี 2560 มีประชาชนในชนบท 30.46 ล้านคน ยังมีชีวิตอยู่ใต้เส้นความยากจนแห่งชาติ คือมีรายได้ 1.90 ดอลลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 57 บาทต่อวัน



ความไม่เท่าเทียม หรือความเหลื่ยมล้ำทางสังคมก็ถ่างกว้างขึ้นด้วย ในรายงานปี 2561ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ขณะนี้ จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเหลื่ยมล้ำมากที่สุดในโลก

กรณีของอู๋ ฮัวหย่าน กระตุ้นให้เกิดความไม่พอใจต่อเจ้าหน้าที่รัฐ โดยโซเชียล มีเดียตั้งคำถามมากมายว่า ทำไมจึงไม่ยอมช่วยเหลือครอบครัวของ 2 พี่น้องนี้ให้มากกว่านี้ บางคนแสดงความยกย่องชื่นชมความพยายามของอู๋ในการช่วยเหลือน้องชาย ขณะเดียวกัน ตัวเธอเองก็พยายามบากบั่นในการศึกษาของตัวเองด้วย

นอกจากเงินบริจาคจากหน่วยงานต่าง ๆ แล้ว อาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอ ก็ช่วยกันบริจาคเงินได้จำนวน 40,000 หยวน หรือกว่า 175,000 บาท ขณะที่ชาวบ้านในท้องถิ่นของเธอ ก็รวบรวมเงินได้ 30,000 หยวน เพื่อช่วยเหลือเธอ แต่ก่อนเธอเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่งว่า น.ส.อู๋ได้รับเงินสนับสนุนขั้นต่ำจากรัฐบาล ซึ่งน่าจะอยู่ที่ระหว่าง 300-700 หยวนต่อเดือน และขณะนี้ ได้รับเงินจากกองทุนบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินไปแล้ว 20,000 หยวน

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนให้คำมั่นว่า จะ “ขุดรากถอนโคน” ความยากจนให้ได้ภายในปี 2563 และในช่วงต้นเดือนนี้ มณฑลเจียงซู แถลงว่า มีประชาชนเพียง 17 คนเท่านั้น จากจำนวนประชากรในมณฑลนี้กว่า 800 คน ที่ยังอยู่ในฐานะยากจน แต่ตัวเลขดังกล่าว ก็ถูกชาวเน็ตตั้งคำถามเหมือนเดิม