คู่จิ้นรุ่นเดอะแห่งวงการบันเทิงไทย!!! ที่เรียกได้ว่าเบิกทางให้คู่จิ้นทุกคู่ในวงการกันเลยทีเดียว กับคู่นี้ "อ.เชน จตุพล ชมภูนิช" และ "ครูอ้วน มณีนุช เสมรสุต" ล่าสุด ควงคู่ออกโรงเผยความในใจทั้งหมดในรายการคุยแซ่บ Show ว่าสรุปแล้วจะจิ้นหรือจะจริง? แล้วตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่ในสถานะอะไรกันแน่
คำว่าจิ้นสำหรับสองตนนี้เริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
อ.เชน : อาจจะเริ่มมาตั้งแต่ผมเห็นครูอ้วนในทีวีแล้ว แล้วก็เห็นตัวจริงในรายการ จริงๆ ผมไปเรียนร้องเพลงกับเค้ามาก่อนนะสมัยที่โรงเรียนเค้ายังไม่ค่อยเจริญ ช่วงนั้นเรียนที่บ้านด้วยนะ ตอนนี้สาขาเพียบ ครูอ้วนก็มาสอนบ้าง สอนวิธีการหายใจ
รู้สึกยังไงที่ไปเรียนกับครูอ้วนแล้วได้ใกล้ชิดกันคิดว่าคนนี้คือผู้หญิงที่ใช่เลยมั้ย ?
อ.เชน : ตอนนั้นยังเป็นแค่ลูกศิษย์กับอาจารย์ แต่ว่าการที่ลูกศิษย์จะหลงรักอาจารย์มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ครูเค้าก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องมันนานมาแล้วเค้าก็ยังมองโลกไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ผมมีใจมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่เราสนิทสนมกัน เจอตัวกันจริงๆ ตั้งแต่อยู่ในรายการ ไปคอมเมนต์ด้วยกัน
ฝ่ายสาวมีอะไรจะนำเสนอบ้างมั้ย ?
ครูอ้วน : ความเป็นคู่จิ้นอ้วนตกใจมากกับวันนึงที่สื่อเอาไปลงแล้วก็จับคู่เรา ซึ่งเราก็ตกใจมากคือไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคู่จิ้นแปลว่าอะไร จนกระทั่งได้รู้ว่าคำว่าจิ้นมันมาจากคำว่าอิมเมจิ้น คิดกันไป ฝันกันไปตามความสุขของแฟนคลับ
มีความเป็นจริงอยู่ในความฝันนั้นกี่เปอร์เซ็นต์ ?
ครูอ้วน : ส่วนตัวของอ้วนใช่มั้ยก็บอกตรงๆ เลยว่าแอบวาบหวามอยู่เหมือนกัน
ถึงขนาดมีผู้ปกครองโทร.หาครูอ้วนสายตรงว่าให้ระวังผู้ชายคนนี้หรอ ?
ครูอ้วน : อันนี้เป็นสิ่งที่อ้วนตกใจมากเพราะว่าเริ่มเชื่อกันไปจริงจังถึงระดับผู้ปกครองของนักเรียน ซึ่งเมื่อก่อนนี้ก่อนที่อาจารย์จะเข้ามาในวงการอาจารย์เคยทำงานอยู่ในองค์กรบางองค์กร ซึ่งเค้าบอกว่าครูอ้วนคะดิฉันเคยทำงานอยู่ในองค์กรนั้นองค์กรนี้มา ครูอ้วนต้องระวังอาจารย์เชนดีๆ เลยนะคะ อย่าไปเผลอนะคะครูอ้วน
หมายถึงว่าอาจารย์เป็นคนเจ้าชู้หรอ ?
ครูอ้วน : ก็เค้าอายุตั้งเท่าไหร่แล้วล่ะ เค้าก็ต้องมีอดีตมาเยอะแยะ
ทั้งคู่เคยแอบมีใจให้กันจริงๆ มั้ย ?
อ.เชน : คือตอนที่เราไปเจอกันในรายการคอมเมนเตเตอร์มีอยู่สามคนคือ มีผม มีครูอ้วน แล้วก็มีพี่โน้ตแล้วมันควรจะเป็นใครล่ะที่ผมจะรู้สึกดีด้วย พี่โน้ตหรอ ไม่เหมาะมั้ง
รู้สึกดีในฐานะคนรักทั้งคู่เคยมีสิ่งนี้ให้กันหรือเปล่า ? เคยแอบคบกันมั้ย ?
อ.เชน : คนเราเจอคนวันละเป็นพันแต่เราไม่รู้จักกันนะ บางคนที่เรารู้จักกันเราก็ไม่ได้ผูกพันกัน คนเราผูกพันกันแต่ก็ไม่ได้รักกัน มีบางคนเท่านั้นที่เราเจอกันแล้วเรารักกัน ฉะนั้นเชื่อว่าคนเราไม่มีทางเจอกันด้วยความบังเอิญ สรุปอย่างที่บอกเมื่อกี๊
ครูอ้วน : เนี่ยแหละคือเสน่ห์ของอาจารย์เชนที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่คุยกัน
ครูอ้วนเคยรู้สึกว่าอาจารย์เชนจีบครูอ้วนมั้ย ?
ครูอ้วน : อ.เชน เป็นคนที่มีความตรงมาก หน้าจอเป็นแบบนี้แต่หลังจอเป็นอีกแบบนึง อ.เชน จะเป็นคนขี้อาย พูดน้อย 10 ปีจะทานข้าวกันหนเดียว เพราะฉะนั้นสิ่งต่างที่เราเห็นเราจะไม่รู้สึกได้เลยว่าแท้ๆ เค้าเป็นคนอย่างไร แต่หลังกล้องแล้วอีกเรื่องนึงเลย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราสัมผัสได้คือเค้าเป็นกัลยาณมิตร เค้าเป็นคนที่มาเติมเต็มในสิ่งที่ความเป็นเพื่อนควรจะมี
ถ้า อ.เชนมาจีบครูอ้วนจะโอเคมั้ย ?
ครูอ้วน : การตั้งใจจีบจริงๆ เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากเลย แล้วมันจะต้องมีอนาคตซึ่งอ้วนกับอาจารย์เชนมองอนาคตกันไม่ออกเลย เพราะจริงๆ แค่เริ่มต้นมันก็ไม่ได้แล้ว เค้าเป็นลูกคนเดียว อ้วนเป็นลูกคนสุดท้อง ลูกคนเดียวจะถูกตามใจมาขนาดไหนแล้วลูกคนสุดท้องจะเป็นประมาณไหน เพราะฉะนั้นเบื้องหลังกล้องมีความจิ้นเยอะมาก
เคยแชตไลน์หากันนอกรอบมั้ย ?
ครูอ้วน : ไม่มี เค้าโทร.หาหนเดียว เรื่องหมา คือเค้าเป็นคนเก็บรายละเอียดโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยว่าเค้าเป็นคนเก็บรายละเอียดว่าเราเป็นคนชอบอะไรทำอะไรยังไง จนวันนึงเห็นโทรศัพท์ก็รับอัตโนมัติ เค้าก็ถามว่าหมาเอาสีอะไร แต่เราหัวใจพองโตตรงที่ว่าอาจารย์เชนเค้าเก็บรายละเอียดตรงที่ว่าเค้ารู้ว่าเราเป็นคนรักหมามาก มารู้ทีหลังว่าเค้าไปเจอสุนัข ให้ อ.เชน เล่า
อ.เชน : มีคนเค้าจะขายสุนัขต้องการจะโละหมดบ้าน ก็เลยนึกถึงครู้อ้วน เผื่อว่าคูอ้วนเค้าซื้อหรือเค้าจะเอาเวลาเค้าเห็นหน้าหมาเค้าจะได้นึกถึงผมบ้างว่าผมเป็นคนแนะนำหมาตัวนี้ให้เค้า
ทั้งคู่เป็นสเปกของกันและกันมั้ย ?
ครูอ้วน : มันเป็นความฝันของคนทุกคนนะว่าจะมีผู้ชายที่เป็นผู้นำ เป็นผู้ชายที่มี่ความรับผิดชอบ พูดเพราะ เอาใจ ดูแล ตลก อาจารย์เชนไม่ใช่เลย
แต่ภายนอกอาจารย์เชนเป็นแบบนั้นทุกอย่าง ?
ครูอ้วน : ถูกต้อง หน้ากล้องเป็นทุกอย่าง แต่หลังกล้องอย่างที่บอกมีอะไรให้จิ้นอีกเยอะมาก
แล้วครูอ้วนถือว่าเป็นผู้หญิงสเปกเรามั้ย ?
อ.เชน : ครูอ้วนเค้าเป็นคนที่มีมาตรฐานชัดเจน รูปแบบการใช้ชีวิต อนาคต เค้าจะมีเป๊ะๆ หมด แล้วเค้าไม่เคยเปลี่ยนด้วย เพราะถ้าเค้าอยู่ตรงนี้แล้วผมอยู่ตรงนี้ ผมก็คงไม่ได้ขึ้นไปหาเค้าหรอก ถ้าเค้าลดระดับว่าเป็นใครก็ได้แค่เป็นผู้ชายก็พอแล้ว ผมน่าจะติดอันดับอยู่
ตอนนี้ครูอ้วนโสด แล้วเปิดโอกาสให้อาจารย์เชนมั้ย ?
ครูอ้วน : อ้วนเชื่อในความรัก ความรักเป็นสิ่งที่มีพลังมากๆ เพราะฉะนั้นไม่เคยปิดกั้นความรักเลยแต่อ้วนกลัว กลัวในสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นที่สวยงามในวันนี้แล้วอนาคตมันจะไม่สวยงามแบบนี้เพราะฉะนั้นเราอยากจะเก็บวันแบบนี้เอาไว้ให้นานๆ ที่สุด
ไม่เคยเจอแขกไหนที่พูดได้คลุมเครือขนาดนี้มาก่อน ยังไม่ได้คำตอบเลย ?
อ.เชน : ภูเขาเวลาเรามองไกลๆ มันสวย มีเมฆ มียอดเขางดงาม ลองขึ้นไปดูซิ ต้นไม้ อิฐ หิน ใบหญ้าก็พื้นดินธรรมดาเนี่ยแหละเพียงแต่มันก่อตัวขึ้นไปสูง ถ้าเราใกล้บางสิ่งบางอย่างมาก บางอย่างเรามีไว้สำหรับรักษาระยะ บางคนอยู่ไกลๆ แล้วมันเคารพกัน เกรงกลัว เกรงใจ มีความรู้สึกดี พอคนใกล้กันพูดอะไรก็ได้ คนกันเอง มีไรป่ะ เราไม่อยากให้ถึงวันนั้นไง เรารักษาความห่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์ต่อไปไม่ดีหรอ
เคยมีการงอนกัน โกรธกัน ทะเลาะกัน เสียใจกันมั้ย ?
อ.เชน : เคย บางทีเคยมีคนเอาช่อดอกไม้มาให้ที่รายการ เดินมาแบบงงๆ เลย เหมือนมาส่งดอกไม้แต่จริงๆเป็นเจ้าของดอกไม้ บางทีมานั่งคุยด้วยต่อหน้าต่อตา
ลึกๆ แอบหึงหรอ ?
อ.เชน : ผมมองอยู่ว่าไปที่อื่นก็ได้ทำไมต้องมาให้ในรายการนี้ ไปให้ที่โรงเรียนก็ได้ทำไมต้องมาให้ที่รายการนี้แล้วก็มานั่งเฝ้า เค้าก็คุยกันดี แต่ผมไม่รู้ใครนะ แต่ดูแล้วไม่สบายใจ ของแบบนี้ถ้าเราไม่รู้ไม่เห็นก็ไม่มีปัญหา
หน้ากล้องกับหลังกล้องอาจารย์เชนเป็นยังไง ?
ครูอ้วน : หน้ากล้องเป็นคนที่พูดฉะฉาน มีอารมณ์ตลก แต่พอคัทเค้านิ่งไม่พูดกับใครเลย แรกๆ ที่เจอกันเค้านั่งอ่านหนังสือมุมนึงโดยที่ไม่คุยกับใครเลยเป็นชั่วโมง
ที่บอกว่าครูอ้วน วีน โลกส่วนตัวสูงเป็นยังไง ?
อ.เชน : เค้าจะมีรูปแบบการใช้ชีวิตส่วนตัว อาหารก็จะจัดมาเองเป็นสำรับมีชุดกลาง ชุดใหญ่ ชุดเล็ก มีตั้งแต่ออเดิร์ฟ เมนเคอร์สตบท้ายด้วยของหวาน ก็จะกินอยู่แค่นี้ไม่ยุ่งกับใคร
อยากจะบอกอะไรกับผู้หญิงคนนี้ ?
อ.เชน : คือเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องงานมันเป็นเรื่องส่วนตัว ฉะนั้นพอมันเป็นเรื่องส่วนตัวมันไม่จำเป็นต้องมาพูดอะไรต่อหน้าคน ผมพูดออกมาได้เลยโดยไม่ต้องมานั่งแต่งข้อความ ผมรู้สึกดีกับครูอ้วนมาตั้งแต่วันแรกๆ ที่ได้เจอแล้ว จนกระทั่งบัดนี้ทุกอย่างมันก็ยังคงเหมือนเดิม อาจจะเพราะเรารักษาระยะความถี่ห่างเอาไว้ มีปฎิสัมพันธ์กันในบางช่วงเวลาบ้าง มันไม่ถึงกับจะมาใกล้กันจนมากระทบกัน พอมันมีช่องว่างระหว่างกันมันก็มีช่องว่างแห่งความคิดถึงมาอยู่ตรงกลางได้