นายกฯ มอบโอวาทเด็กขอทำหน้าที่พลเมืองดีของชาติ

2020-01-12 00:20:17

นายกฯ มอบโอวาทเด็กขอทำหน้าที่พลเมืองดีของชาติ

Advertisement

นายกฯ มอบโอวาทเด็กและเยาวชน เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติปี 63 ขอทุกคนทำหน้าที่พลเมืองที่ดีของชาติ ร่วมขับเคลื่อนพัฒนาความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนให้ชาติบ้านเมือง

เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวให้โอวาทกับเด็กและเยาวชน เนื่องในโอกาสเป็นประธานเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 โดยมีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์  รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย เด็ก เยาวชน และผู้ปกครอง เข้าร่วมงาน ซึ่งเมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึง ได้ชมการแสดงคัลเลอร์การ์ด ของชมรมดุริยางค์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวให้โอวาทกับเด็กและเยาวชน สรุปสาระสำคัญว่า มีความยินดีที่ได้มาพบกับทุกคนในงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ณ ทำเนียบรัฐบาล ประจำปี 2563 โดยปีนี้นับเป็นปีที่ 6 ที่นายกรัฐมนตรีได้พบกับทุกคนในงานวันเด็ก ซึ่งตั้งแต่เช้าที่ผ่านมาได้ไปเปิดงานวันเด็กที่กระทรวงศึกษาธิการ แล้วมาที่ห้องทำงานนายกรัฐมนตรี พบปะกับเด็กที่มีความรู้ความสามารถ ด้านต่าง ๆ พบกับเด็กที่นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี วันหน้าไม่ต้องห่วง เรามีนายกรัฐมนตรีใหม่แน่นอน เพราะเด็ก ๆ ได้นั่งที่โต๊ะทำงานนายกรัฐมนตรีกันทุกคนแล้ว ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการเรียนหนังสือและการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในอนาคต โดยวันนี้เป็นการมาทำกิจกรรมร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แลกเปลี่ยนการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของการจัดงานวันเด็กให้ทุกคนมีความสุข ทั้งนี้ ในสมัยก่อนมีงานประจำปีไม่มากเหมือนในปัจจุบันที่มีทางเลือกมากกว่าสมัยก่อน มีกิจกรรมหลากหลายให้เด็กรุ่นใหม่ได้ร่วมสนุกสนานมากมาย ฉะนั้นทุกคนจะต้องรู้จักจัดเวลาให้เป็น รู้จักมีสมาธิในการเรียนหนังสือ ทำการบ้าน ทำงานบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทั้งนี้ รัฐบาลสนับสนุนความสำคัญของเด็กและเยาวชนซึ่งถือเป็นทรัพยากรบุคคลที่จะต้องเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต รัฐบาลมุ่งหมายให้เด็กทุกคนได้รับการพัฒนา เสริมสร้างศักยภาพในทุกมิติ มีสุขภาวะที่ดีทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา เป็นคนดีคนเก่ง มีคุณภาพ มีคุณธรรม และสร้างสรรค์อยู่ในองค์กรที่มีจริยธรรม โดยรัฐบาลจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ทั้งการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานในเรื่องการศึกษา เรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าถึงความจำเป็นขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึง รวมทั้งต้องมีการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็ก โรงเรียนประจำตำบล โรงเรียนสมัยใหม่ต่าง ๆ ในพื้นที่ให้ได้โดยเร็วที่สุด

“ที่พูดยาวในวันนี้เพราะต้องการให้พ่อแม่เข้าใจด้วย ถ้าเด็กยังไม่เข้าใจ พ่อแม่ก็ต้องไปสอนต่อ พูดด้วยเหตุด้วยผล ด้วยหลักการ อย่าไปต่อว่าใครทั้งสิ้น ถ้าทุกคนเข้าใจกันก็จะเดินหน้าไปด้วยกันได้ โดยต้องเดินหน้าไปพร้อม ๆ กัน พ่อจูงลูก เพื่อนจูงเพื่อน พี่จูงน้อง รัฐบาลจูงประชาชนไปด้วยกัน ถ้าขัดแย้งจะไปไม่ได้สักอย่าง ทุกคนต้องมุ่งหมายไปในสิ่งที่ดีที่สุด และต้องเข้าใจรัฐบาลด้วย” นายกรัฐมนตรีกล่าว 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เด็กวันนี้เป็นผู้ใหญ่ในวันหน้า จะต้องเป็นคนที่มีสติปัญญา มีสมาธิ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เป็นคนดีคนเก่ง มีคุณภาพและมีคุณธรรม โดยคำขวัญวันเด็กประจำปี 2563 ที่นายกรัฐมนตรีมอบไว้คือ “เด็กไทยยุคใหม่ รู้รักสามัคคี รู้หน้าที่พลเมืองไทย” นั้น ตั้งใจให้ถึงผู้ใหญ่ด้วย ทุกอย่างจะเรียบร้อย ความรักความสามัคคีเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้โลกปลอดภัย เมื่อเราเข้มแข็ง ประเทศชาติก็เข้มแข็ง เด็กและเยาวชนก็เข้มแข็ง ทุกคนเข้มแข็งหมด ความมั่นคงก็อยู่ก็ตามมาทั้งสิ้น เรื่องความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเป็นสิ่งสำคัญ ความขัดแย้งจะต้องไปพูดคุยไปหาทางออก ไม่ใช่ไปหาทางออกในวิธีอื่นที่ไม่เหมาะสม เพราะจะสร้างผลกระทบกับสิ่งอื่น ๆ ซึ่งวันนี้ประเทศไทยกำลังมีปัญหาอยู่พอสมควร เราจะต้องลดปัญหาลงให้มากที่สุด รัฐบาลจะพยายามจะทำอย่างเต็มที่

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ในวันข้างหน้าจะต้องเผชิญกับเรื่องการแข่งขันด้านแรงงาน ซึ่งศตวรรษที่ 21 จะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 โลกแห่งเทคโนโลยี โลกแห่งดิจิทัล โลกที่เกิดการ Disruption ทำให้เกิดทั้งวิกฤตและโอกาสของทุกคน โดยจะต้องทำวิกฤตให้เป็นโอกาส ซึ่งสิ่งเหล่านี้อยู่ที่กระบวนการคิด เพราะฉะนั้น ครู และพ่อแม่จะต้องเป็นผู้ถ่ายทอดให้เด็กและเยาวชนได้รู้จักกระบวนการคิดเป็นขั้นเป็นตอน ให้มีการวางเป้าหมายไว้ในสมอง และพ่อแม่จะต้องส่งเสริมลูกในทางที่เขาพอใจ มีความสุข ให้ได้เรียนหนังสือในสิ่งที่เขาชอบ ให้เขาเรียนจบมาแล้วได้มีงานทำ รวมทั้งส่งเสริมให้เด็กได้เล่นกีฬา ดนตรี การแสดงต่าง ๆ เพื่อทำให้มีสมาธิขึ้น เพราะการเล่นกีฬาหรือการเล่นดนตรีจะทำให้สังคมมีความสงบสุขมากยิ่งขึ้น เมื่อเด็กทุกคนสงบก็ไม่สร้างความขัดแย้ง ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นในสังคม สังคมจะได้เดินไปข้างหน้าได้ จึงขอฝากทุกคนในเรื่องนี้ด้วย

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลมุ่งหวังให้ทุกคนได้รับการศึกษาตามช่วงวัยอย่างเหมาะสมและทั่วถึง เพื่อนำไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จในชีวิต พึ่งพาตนเองได้ ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ สังคม ด้วยความภาคภูมิใจ โดยขอฝากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ว่า นอกจากเรียนหนังสือในห้องเรียนแล้ว ขอให้อ่านหนังสือนอกตำราที่เป็นประโยชน์บ้าง เพื่อจะได้ใช้ในการสื่อสาร พูดคุยกันในสิ่งที่เป็นสาระเป็นประโยชน์ มากกว่าความสนุกสนานแต่เพียงอย่างเดียว หนังสืออะไรก็ได้ ขอให้หยิบมาอ่าน เพื่อจะเกิดทักษะ เพิ่มพูนสติปัญญา มีระเบียบวินัยในตัวเอง ในบ้าน ในโรงเรียน ในสังคม พร้อมกับขอให้เด็กและเยาวชนทุกคนได้น้อมนำแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีเหตุมีผล มีพอประมาณ มีภูมิคุ้มกันที่ดีในโลกที่เป็นโลกยุคโซเชียล ยุคดิจิทัลวันนี้ ให้มีภูมิต้านทานในเรื่องนี้ อะไรที่ควรเชื่อหรือไม่ควรเชื่อ อะไรไม่ควรทดสอบ และนายกรัฐมนตรีย้ำว่า พลังแห่งความรักความสามัคคีมีความสำคัญเป็นที่หนึ่ง ที่จะนำพาประเทศชาติวันนี้ให้พ้นจากปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ของโลก ทั้งเรื่อง Disruption เรื่องเทคโนโลยี เรื่องหุ่นยนต์ที่เข้ามาแทนคน ดังนั้น สิ่งสำคัญที่อยากจะฝากทุกคนไว้คือขอให้เป็นสังคมแห่งความรัก ความอบอุ่น ความสามัคคี ให้ทำหน้าที่พลเมืองที่ดีของชาติ ขับเคลื่อนการพัฒนาความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนให้แก่ชาติบ้านเมืองต่อไป

จากนั้น นายกรัฐมนตรีทำพิธีเปิดงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2563 โดยการเทน้ำใส่ในรางไม้ไผ่ แล้วนายกรัฐมนตรีถ่ายภาพร่วมกับเด็กและเยาวชน ก่อนออกจากตึกสันติไมตรีหลังนอก ผ่านโถงกลางไปยังตึกสันติไมตรีหลังใน เพื่อเยี่ยมชมกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่ได้ให้ความรู้แก่เด็ก ๆ ในเรื่องรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า บริษัท ทรู คอร์ปอเรชัน ที่มีกิจกรรมหลากหลายรูปแบบให้เข้าร่วม และอื่น ๆ อีกมากมาย พร้อมกับทักทายและพูดคุยกับเด็ก ๆ และผู้ปกครองที่มาเข้าร่วมงานวันเด็กตลอดบริเวณการจัดกิจกรรมที่ตึกสันติไมตรี ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีออกจากตึกสันติไมตรีหลังใน ไปยังสนามหน้าหน้าตึกสันติไมตรี เพื่อเยี่ยมชมกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติของกองทัพบก และหน่วยงานต่าง ๆ เสร็จภารกิจ นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับ