รัฐบาลสหรัฐพร้อมที่จะเปิดการเจรจา "อย่างจริงจัง" และโดยไม่มีเงื่อนไขล่วงหน้า กับอิหร่าน หลังเกิดความขัดแย้งรุนแรง ถึงขั้นเกือบกลายเป็นสงคราม สร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้คนทั่วโลก
ในจดหมายที่ส่งถึง คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอสซี (UN Security Council) เมื่อวันพฤหัสบดี นางเคลลี คราฟท์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐอเมริกา ประจำองค์การสหประชาชาติ กล่าวว่า สหรัฐพร้อมที่จะเปิดการเจรจา โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศมากไปกว่าเดิม หรือไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามจากรัฐบาลอิหร่าน
นางคราฟท์ยังได้กล่าวถึงความชอบธรรมของสหรัฐ ในการสังหาร พล.ต.กาเซม สุไลมานี อดีตผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ ของกองทัพอิหร่าน ว่า สหรัฐกระทำการเพื่อป้องกันตนเอง โดยได้ยกมาตรา 51 ในกฎบัตรสหประชาชาติ ที่กำหนดให้รัฐต่าง ๆ ต้อง "รีบรายงาน" ต่อ ยูเอ็นเอสซี ในทันที หากมีการดำเนินมาตรการ ตามสิทธิในการป้องกันตนเอง
อิหร่านตอบโต้การสังหาร พล.ต.สุไลมานี ด้วยการยิงขีปนาวุธ 15 ลูก โจมตีฐานทัพอิรัก 2 แห่ง ที่มีทหารสหรัฐประจำการอยู่ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย และอิหร่านได้แจ้งต่อยูเอ็นเอสซี เช่นกัน ว่า เป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนเอง
พล.ต.สุไลมานีเป็นผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของอิหร่าน รองจาก อยาตอลลาห์ อาลี คาห์เมนี และในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการหน่วยคุดส์ ในสังกัดกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน พล.ต.สุไลมานีเป็นผู้วางแผนออกแบบนโยบาย การแผ่ขยายอิทธิพลของอิหร่านในภูมิภาคตะวันออกกลาง
เมื่อวันพฤหัสบดี นายพลจัตวาอาเมียร์ อาลี ฮาจิซาเดห์ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศอิหร่าน กล่าวว่า การโจมตีฐานทัพอิรัก 2 แห่ง ด้วยขีปนาวุธ เป็นเพียงแค่การเปิดฉากปฏิบัติการที่จะตามมา การโจมตีฐานทัพดังกล่าว อิหร่านไม่มีเจตนาฆ่าทหารสหรัฐ แต่มีเป้าหมายทำลายปฏิบัติการของกองทัพสหรัฐเท่านั้น.