งานเข้าชุดใหญ่ไปเมื่อปีที่แล้วสำหรับนักแสดงหนุ่ม "ฟรอยด์-ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์" หลังจากทีนักศึกษาสาวฝึกงานเข้าแจ้งความกล่าวหาว่าหนุ่มฟรอยด์มอมยาด้วยเยลลี่จนเกือบช็อก จนหนุ่มฟรอยด์ต้องออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่เรื่องจริงและไปให้ปากคำในฐานะพยานเท่านั้น ล่าสุดเจอเจ้าตัวเลยขออัพเดตคดีความเรื่องนี้ได้ความว่า
อัพเดตคดีตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว ?
มันไม่มีอะไรเลยครับ มันจบไปแล้ว เพราะอย่างที่ผมบอกไปตั้งแต่แรกว่าผมเป็นแค่พยานในเหตุการณ์ครับ ก็จบ ส่วนที่เหลือก็ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการไป
เรายังมีความกังวลอะไรไหม ?
ไม่เกี่ยวอะไรเลยครับตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว มันจบตั้งแต่ตอนที่ผมไปให้ปากคำเพิ่มเติมแล้ว แค่นั้นเองครับก็จบเลย
หมายความว่าเราพ้นผิดจากที่เขากล่าวหาแล้วใช่ไหม ?
มันไม่ได้พ้นผิด เพราะว่าผมไม่ผิดครับ
ในส่วนของคดีความทางตำรวจยังต้องเรียกเราไปให้คำปากคำอะไรเพิ่มในส่วนของพยานอีกไหม ?
ไม่มีเลยครับ ผมว่าหากอยากจะรู้ลึกกว่านี้คงต้องไปถามเจ้าหน้าที่สืบสวนเอง อย่างที่ผมบอกไปตั้งแต่แรกว่าเราบริสุทธิ์ใจที่จะให้ปากคำในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ
เราติดใจอะไรไหมที่น้องผู้หญิงที่เสียหายเพ่งเล็งมาที่ตัวเรา จนทำให้เราเสียหาย ?
ผมไม่อยากเอาเรื่องแบบนี้มาคิดในตอนนี้แล้ว เพราะผมคิดว่ามันผ่านปีเก่ามาแล้ว คือผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่แล้ว ถ้าผมทำดีหรือทำไม่ดี ผมก็รู้อยู่แก่ใจ ในปีนี้ซึ่งเป็นปีใหม่ผมก็ไม่อยากจะเอาเรื่องที่ผ่านมาแล้วที่มันเป็นเรื่องไม่ดีในชีวิตผม เข้ามาทำให้มันรกหัว รกสมองครับ
หลังจากนั้นเราไม่ได้มีการติดต่อระหว่างน้องผู้หญิงเลยใช่ไหม ?
ไม่ได้ติดต่ออยู่แล้ว เพราะผมไม่เคยรู้จักเขาอยู่แล้วครับ
เขามีความผิดอะไรไหมที่มากล่าวหาเราแบบนี้ ?
ผมไม่สนใจนะครับ ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาจัดการดำเนินคดีต่อไปเอง ผมไม่รู้เรื่อง ในส่วนของตัวผมเองมันยังไม่ได้มีผลอะไรกับงานผม ผมเลยยังไม่ได้ทำอะไรเขาครับ
ตอนนี้ทราบหรือยังว่าใครเป็นคนทำ ?
อันนี้ผมไม่ทราบนะครับ ไม่ได้ติดตามอะไรเลย อย่างที่บอกผมอยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งอยู่ผิดที่ผิดทาง และกลายเป็นเอาชื่อเรามาใช้ในเรื่องนี้เท่านั้นเองครับ
จากนี้ไปเราต้องระวังตัวจากคนแปลกหน้าที่มาร่วมโต๊ะกับเรามากน้อยแค่ไหน ?
ตอนนี้ผมระวังตัวมาก เก็บตัวมาก และคือเลือกคนคบอ่ะ คนไหนไม่ได้มีผลกับชีวิตเรามาก หรือไม่ได้จำเป็นที่จะต้องรู้จักคนใหม่ๆ เราก็พยายามที่จะระวังตัวมากขึ้น เหมือนปีนี้มันเป็นปีที่ดี เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ผ่านมา มันสอนให้เราโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และระวังมากขึ้นด้วย คือไม่ได้ถึงกับไม่กล้าร่วมโต๊ะคนแปลกหน้าไปเลยนะครับ แต่เราจะมีที่ว่างและคงจะไม่เฟรนด์ลี่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ต้องมีระยะห่างมากขึ้นในการที่จะรู้จักคนใหม่ๆ ครับ
กลัวการไปปาร์ตี้เลยไหม ?
มันไม่เกี่ยวกับการปาร์ตี้ คือแค่การเจอคนใหม่ๆ กับบางคนเราก็ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาหาเราในรูปแบบอะไร หรือเขาต้องการจะหวังอะไรจากเรา เราแค่ระวังตัว ไม่ได้เกี่ยวว่าเราจะไม่ออกสังคมเลย ไม่ไปเที่ยวไหนกับเพื่อนเลยหรือไม่สังสรรเลย อันนี้มันก็เกินไปครับ เราคงใช้ชีวิตปกติ แต่คนใหม่ที่จะเข้ามาคงจะยากขึ้นในการที่จะรู้จักกับผม
เราอยากให้น้องผู้หญิงรับผิดชอบอะไรไหมกับตัวเรา อย่างเช่น การโพสต์ขอโทษหรือชี้แจง ?
อันนี้ก็ต้องปล่อยให้เขาสำนึกด้วยตัวเอง ผมคงไปบังคับคนอื่นไม่ได้ครับ
แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากเขาใช่ไหม ?
อันนี้ผมไม่ทราบเลย อย่างที่ผมบอกไป ผมไปแสดงเจตนาแล้วว่าผมบริสุทธิ์ใจที่จะไปให้ปากคำในการให้เรื่องนี้มันดำเนินไป
ที่เราบอกว่าเรื่องนี้ไม่กระทบกับงานแล้ว แสดงว่าคนอื่นก็เชื่อว่าเราไม่ได้ทำจริงๆ ?
ผมไปบังคับความคิดใครไม่ได้ครับ แต่ผมรู้ตัวอยู่แล้วว่าผมทำอะไรไป และผมเชื่อว่าคนที่รู้จักผมดี ผมก็อยู่ในวงการมานานเหมือนกัน คนที่รู้จักผมจริงเขาจะรู้ว่าตัวผมเป็นยังไง
โกรธน้องผู้หญิงคนนั้นไหม ?
ผมปล่อยดีกว่า ผมก็ไปทำบุญ ไปทำบังสุกุล มีการไปล้างสิ่งที่ไม่ดีออกจากร่างกาย เพราะบางทีในชีวิตเรามีแต่สิ่งดีๆ เข้ามา มันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่จะมาดึงตัวเราไปหน่อยหนึ่ง
น้องผู้ชายคนที่เรารู้จักที่อยู่ในเหตุการณ์ มีโอกาสได้คุยกันไหม ?
ไม่ได้คุยเลยนะ เพราะต่างก็แยกย้ายทำงาน ผมก็ยุ่งด้วย
ทางลูกค้าคนที่จ้างงานเรามีถามถึงเหตุการณ์หลังจากนี้ไหมว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะก่อนหน้านี้เราบอกโดนยกเลิกงานเยอะเหมือนกัน ?
ใช่ครับ เขาก็มีเข้ามาถามว่าเรื่องเป็นยังไง อยากจะให้ออกมาแจง แต่อย่างที่ผมบอกช่วงนั้นงานผมยุ่งจริงๆ มีละครถ่ายก่อนปิดกล้อง ผมเลยไม่มีเวลาได้ออกมาเจอพี่ๆ สื่อ พอหลังจากมีโอกาสได้ออกงานและชี้แจงไปปุ๊บ ทุกอย่างก็เคลียร์ ทุกอย่างก็ปกติเหมือนเดิมครับ
สินค้าบางตัวที่ชะงักไป ยังมีความเชื่อมั่นในตัวเราเหมือนเดิมหรือยัง ?
ผมว่าผมเชื่อมั่นในตัวเองพอ และคิดว่าลูกค้าที่จ้างผมก็คงเชื่อมั่นในตัวผม คือผมไม่เคยมีอะไรที่เสียหายในวงการบันเทิงอยู่แล้ว กับสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีหลักฐาน มันเป็นเพียงการกล่าวหาเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นผมคิดว่าสื่อสังคมหรือประชาชนส่วนใหญ่ก็น่าจะมีน้ำหนักพอที่จะเชื่อในเรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมไปถึงเหตุการณ์และน้ำหนักต่างๆ และอย่างภาพที่ไม่รู้ว่าสื่อเอามาจากไหนนะครับที่เป็นถุงขนม อันนั้นต้องแจงนะครับว่ามันไม่ได้เป็นของผม ถ้าไม่อย่างนั้นอันนั้นเป็นหลักฐานจริงเรื่องก็ต้องจบแล้ว ผมแค่จะบอกว่ามันไม่ใช่ของผม และมันก็ไม่มีในสิ่งที่เกิดขึ้น
ได้บทเรียนกับเรื่องราวที่ผ่านมายังไงบ้าง ?
อย่างที่บอกว่าการที่จะเจอใครใหม่ๆ หรือคนแปลกหน้าที่จะเข้ามาในชีวิตก็ต้องดูให้ดีและมีระยะห่างมากขึ้นครับ
มองว่ามันเป็นการใส่ร้ายเราไหม ?
ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ผมไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของเขาต้องการอะไรเท่านั้นเองครับ