เพิ่งจะไปจดทะเบียนสมรสกันหลังจากแต่งงานกันไป 2 ปีแล้ว สำหรับคู่ของ นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา กับ ท็อป-พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร งานนี้เลยสอบถามถึงบรรยากาศและความรู้สึกวันนั้นซึ่งเจ้าตัวได้เผยว่า ก็มีสามีถูกต้องตามกฎหมายแล้วค่ะ(หัวเราะ)
ทำไมถึงเพิ่งจดทะเบียนสมรส?
ปีแรกที่จัดงานแต่งงานก็มีความฉุกละหุกหลายอย่าง ก็เลยทำพิธีอย่างที่เห็นไปแล้วก็เลยคิดว่าถ้าจะจดทะเบียนก็อยากเป็นฤกษ์ที่ดีคิดกันหลายรอบมาก ปีที่แล้วครบรอบก็ยังทำงานยุ่งๆ กันอยู่ ปีนี้ก็เลยตั้งใจ เหมือนเลียนแบบพี่ท็อปเพราะเดี๋ยวมาถามว่าครบรอบวันจดทะเบียนเมื่อไหร่เดี๋ยวจำไม่ได้(ยิ้ม) ก็เลยเลือกเป็นวันเดียวกับวันที่แต่งงานค่ะ
ความรู้สึกเป็นไงบ้าง?
ขอพูดในฐานะประชาชนนะคะคือเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตวังทองหลางน่ารักมาก คือไม่ได้บริการในฐานะที่เราเป็นคนของประชาชนนะ คือท่านให้คำแนะนำที่ดี คือนุ่นไปกับท็อปสองคนพกแค่บัตรประจำตัวประชาชนไป เขาก็บอกไม่ได้ค่ะคุณนุ่นต้องมีพยาน เลยโทรตามพ่อให้นั่งมอเตอร์ไซค์มาเป็นพยาน(หัวเราะ) จังหวะที่เซ็นลงไปก็ตื่นเต้นนะคะ มันเป็นลายลักษณ์อักษรแต่นุ่นอ่ะไม่เท่าไหร่แต่พี่ท็อปแอบเห็นปากกาสั่นเบาๆ(หัวเราะ)
เจ้าหน้าที่อวยพรอะไรบ้าง?
ประโยคแรกที่เขาบอกคือเรื่องสินสมรสจะยังไงดีค่ะ(หัวเราะ) เราก็หันไปหาพี่ท็อปว่าเอาไงดีค่ะ ถามหยั่งเชิง พี่ท็อปก็บอกไม่เป็นไรหรอก
นามสกุลเปลี่ยนไหม?
ยังไม่เปลี่ยนค่ะ ยังเป็นนางสาวอยู่ค่ะ ด้วยเราทำธุรกิจและบริษัทหลายอันถ้าเราเปลี่ยนมันก็จะกระทบกับเอกสารต่างๆ ก็รอจังหวะเหมาะสม
เขามีปฏิกิริยากลัวเมียไหม?
เหมือนเดิมค่ะ นุ่นโชคดีที่นุ่นได้สามีที่ดี พี่ท็อปเข้าใจทุกอย่าง ตั้งแต่แต่งงานก็ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส พอจดเขาก็ถามจะเปลี่ยนนามสกุลไหม เราก็ยังไม่พร้อม พี่ท็อปก็หันมาถามว่าถ้านุ่นยังไม่อยากเปลี่ยนท็อปก็ไม่ว่านะ ไม่จำเป็นต้องมาใช้นามสกุลท็อป เรารู้สึกว่าแมนจังเลยอ่า
จดทะเบียนสมรสเตรียมมีลูกเลยไหม?
คือกล้วยที่แห่ขันหมากมาคุณแม่เอาไปปลูกที่บ้านและเพิ่งออกลูก เราก็ดีใจที่ได้กินเนอะแล้วก็ลงไอจีคนก็มาคอมเมนต์บอกถ้ากล้วยออกจะมีข่าวดี เราก็เออพอวันก่อนหลังจากกลับจากจดทะเบียนสมรสพอถึงบ้านปาป๊าก็บอกว่าฝันมีกุมารบอกจะมาเกิดที่นี่ ทั้งบ้านเหลือนุ่นคนเดียวแหละ นุ่นก็แบบอย่าเพิ่งนะคะ ยังไม่ใช่(หัวเราะ) เรายังไม่พร้อมอย่างแรงด้วยงานที่ทำอยู่ คือถ้าชีวิตที่มีลูกต้องพร้อมมากๆ ค่ะและพรุ่งนี้ต้องฟิตติ้งละครเรื่องใหม่แล้วอ่ะ น้องอย่าเพิ่งมานะ นุ่นต้องขอบคุณวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่อายุ 40 ก็ยังมีได้เนอะ แต่ยังไม่ได้คิดนะคะเพราะเพิ่งอายุ 35 และโชคดีที่พี่ท็อปเป็นผู้ชายความคิดยุคใหม่คือไม่ได้ใช้ความเป็นเพศชายที่เราต้องทำนั่นนี่สิ คือเจ๋งมากอ่ะ
