“ช่อ” ซัด “ดอน”เอาคอคนไทย 70 ล้านไปขึ้นเขียง

2020-01-08 16:45:06

“ช่อ” ซัด “ดอน”เอาคอคนไทย 70 ล้านไปขึ้นเขียง

Advertisement

“ช่อ” ซัด รมว.ต่างประเทศเอาคอคนไทย 70 ล้านคนไปขึ้นเขียง หลังยอมรับสหรัฐฯแจ้งไทยล่วงหน้า 1 วันก่อนจะปฏิบัติการสังหารผู้บัญชาการทหารคนสำคัญของอิหร่าน น่าเศร้า “บิ๊กป้อม” บอกไม่กระทบต่อความมั่นคง ตกลงเรามีรัฐบาลไว้ทำไม ในเมื่อความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินของเราประชาชน ไม่เคยได้รับความสำคัญเท่าความมั่นคงของรัฐบาล

เมื่อวันที่ 8 ม.ค. น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกรณีที่กรณีที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ออกมายอมรับกับสื่อมวลชนว่าสหรัฐฯแจ้งไทยล่วงหน้า 1 วันก่อนจะปฏิบัติการสังหารผู้บัญชาการทหารคนสำคัญของอิหร่านว่า ก็ตกใจและผิดหวังในระดับหนึ่งแล้วว่าคนระดับอดีตทูตหลายประเทศ เป็นรัฐมนตรีมาหลายปีอย่างคุณดอน มาตกหลุมตกร่องที่ตื้นเขินขนาดนี้ได้อย่างไร เพราะอย่าว่าแต่นักเรียนรัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แม้แต่คนทั่วไปที่ติดตามข่าวสารการเมืองต่างประเทศอยู่เสมอ ก็ย่อมคิดได้ว่าการพูดแบบนี้ คือการเอาไทยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งที่กำลังร้อนระอุระหว่างมหาอำนาจโลกกับมหาอำนาจตะวันออกกลาง คือการเอาคอคนไทย 70 ล้านคนไปขึ้นเขียง ตกอยู่ในความเสี่ยงว่าจะกลายเป็นเป้าของการโจมตีแก้แค้น ในฐานะรู้เห็นเป็นใจ ทั้งที่ไทยกับอิหร่านมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาตลอด หากจะให้ลองคิดเล่นๆว่าคุณดอนพูดไปทำไม เหตุผลเดียวที่ดูพอเป็นไปได้ อาจเป็นเพราะรัฐบาลไทยในยุคที่คุณดอนเป็นเจ้ากระทรวงต่างประเทศ ถูกวิจารณ์มาตลอดว่าเอียงข้างจีนมากเกินไป คุณดอนจึงพยายามจะแสดงออกว่าสนิทสนมกับทางอเมริกาไม่แพ้กันเพื่อรักษาดุลอำนาจความสัมพันธ์กับมหาอำนาจสองฝั่ง แต่กลับกลายเป็นสนิทผิดเวลา ไปอย่างมหันต์

น.ส.พรรณิการณ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ใหญ่และน่าตกใจกว่าคำพูดที่ผิดพลาดของคุณดอน คือคำพูดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ที่บอกนักข่าวว่าเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับตัวเอง เป็นเรื่องของกระทรวงต่างประเทศ และมั่นใจว่าคำพูดของคุณดอนไม่กระทบความมั่นคง ท่าทีของพล.อ.ประวิตร ย้ำชัดว่ารัฐบาลนี้ ไม่เคยมองความมั่นคง ในฐานะความมั่นคงของประชาชน เป็นเรื่องของความมั่นคงของ 3 ป. และเครือบริวารแวดล้อมเท่านั้น ตั้งแต่ยุค คสช. มาจนถึงยุครัฐบาลประยุทธ์ที่ผ่านการชุบย้อมตัวในการเลือกตั้ง เราจึงเห็นว่า การกินแซนด์วิช การอ่านหนังสือ 1984 การเสวนาวิชาการเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ไปจนถึงการจัดงานวิ่ง เป็นกิจกรรมที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจับตามอง ใช้ภาษีประชาชนไปกับการส่งตำรวจทหารไปติดตามสอดส่องนักการเมืองที่เดินทางไปทำกิจกรรมกับประชาชน จดชื่อ ถ่ายรูปผู้ร่วมกิจกรรม หรือส่งคนไปตามถึงบ้านผู้จัดงาน โดยอ้างว่าคนเหล่านี้ มีพฤติกรรมกระทบต่อความมั่นคง

“แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่บุคคลระดับรัฐมนตรีไปพูดจาเสี่ยงต่อการเอาไทยเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งระดับโลก เอาคนไทย 70 ล้านคนและผลประโยชน์ของไทยในต่างแดนไปอยู่ในความเสี่ยงของการตกเป็นเป้าการถูกโจมตี รองนายกฯ กลับยืนยันว่าไม่กระทบต่อความมั่นคง น่าเศร้าสำหรับประเทศไทย ตกลงเรามีรัฐบาลไว้ทำไม ในเมื่อความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินของเราประชาชน ไม่เคยได้รับความสำคัญเท่าความมั่นคงของรัฐบาล” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว