“บิ๊กโจ๊ก”หอบเอกสาร “ไบโอเมทริกซ์” มอบพนักงานสอบสวน

2020-01-08 15:40:17

“บิ๊กโจ๊ก”หอบเอกสาร “ไบโอเมทริกซ์” มอบพนักงานสอบสวน

Advertisement

"บิ๊กโจ๊ก” หอบเอกสาร “ไบโอเมทริกซ์” มอบให้พนักงานสอบสวน แฉเครื่องใช้ไม่ได้จริง มีการขยายวงเงินเพิ่มจาก 1,000 ล้าน เป็นกว่า 2,000ล้าน จึงต้องเซ็นยกเลิก ระบุเมื่อไหร่ผู้บงการไม่มีอำนาจเอกสารหลักฐานทั้งหมดจะปรากฏเอง 

เมื่อวันที่ 8 ม.ค. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (อดีต ผบช.สตม.) กล่าวภายหลังให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สน.บางรัก กรณีถูกสองคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงรถยนต์ส่วนตัวแปดนัดเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา ว่า เอกสารการเสนอยกเลิกโปรเจ็กต์เครื่องไบโอเมทริกซ์ ดังกล่าวที่ตนเองได้นำมาให้พนักงานสอบสวนในครั้งนี้ เนื่องจากมีผู้หวังดีส่งหลักฐานให้เพราะเห็นว่าเอกสารดังกล่าวมีพิรุธ ตนจึงรวบรวมเอกสารมายื่นต่อพนักงานสอบสวน ทั้งเนื้อหาเป็นการรายงานปัญหาข้อบกพร่องของระบบไบโอเมทริกซ์ทั้งหมด ถามใครก็รู้ว่ามันใช้งานไม่ได้ ตนในฐานะ ผบช.สตม. ในขณะนั้น ก็ต้องมีความเห็นเซ็นคำสั่งให้ยกเลิก อีกทั้งการขยายวงเงินเพิ่มจาก 1,000 ล้านบาท เป็น 2,000 กว่าล้านบาทมันเยอะมากเกินไป ตนทำไปตามหน้าที่ ซึ่งข้อมูลในเอกสารไม่ได้มีการบิดเบือนข้อมูล ตนเก็บไว้นานแล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์คนร้ายยิงรถดังกล่าวจึงต้องนำออกมาเปิดเผย

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนในทางคดีความก็เป็นให้กับเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายในการติดตามหาตัวคนร้าย ให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ซึ่งขณะนี้ทราบว่ายังอยู่ในระหว่างสอบสวนว่า อาวุธปืนที่มใช้เป็นชนิดใด ลูกโม่ หรือ ปืนออโตเมติก เมื่อสักครู่ตนก็เซ็นยินยอมให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานสามารถซื้อรถเพื่อตรวจสอบได้ทั้งหมด ซึ่งหลังจากนี้ตนเองก็จะระมัดระวังตัวมากขึ้นถามว่ากลัวไหม ก็ไม่กลัวแต่ภายหลังจากที่ตนเองได้เลือกยกเลิกโครงการดังกล่าว ตนเองก็น้อมรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เช่นเดียวกับคนที่ถูกย้ายออกจากตำแหน่งคนอื่นและเกี่ยวข้องในโครงการนี้เช่นกัน ยืนยันว่าวิธีการข่มขู่แบบนี้เป็นคนวิธีการโบราณแต่ตัวเองก็ปักใจเชื่อไปแล้วว่าคนบงการเป็นผู้มีอำนาจ ซึ่งหากไม่มีอำนาจอาจจะไม่กล้าทำกับตนขนาดนี้ ย้ำเมื่อไหร่ที่ผู้บงการไม่มีอำนาจเอกสารหลักฐานทั้งหมดจะปรากฏเอง

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยังระบุถึง กรณีการสั่งซื้อรถยนต์ยี่ห้อดัง อาทิ BMW หลายล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในโครงการไฟฟ้าอัจฉริยะ ว่า งานที่ใช้ในโครงการนี้เป็นภาษีของประชาชน แต่รถไม่สามารถใช้งานได้จริงและไม่ได้นำมาใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ แต่กลับนำไปใช้เป็นรถนำเข้าบวนเท่านั้น ตนมั่นใจว่าการที่ตนเองยกเลิกโครงการดังกล่าว ตนทำตามหน้าที่ ตนไม่ได้สร้างสถานการณ์ ทั้งนี้ตนไม่ใช่คนดี แต่ตนก็ไม่ได้ชั่ว ถามกลับในเมื่อเป็นผู้รักษากฎหมายก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีหรือไม่ แต่ตนไม่ขอพาดพิงถึงใคร