สงสัยจะคิดหนักหลัง "นนกุล" เข้าปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อหาทางเพิ่มความสูง แต่พอทราบราคาค่าใช้จ่ายถึงกับทรุดต้องหยุดความฝันเอาไว้ ใช้รองเท้าเสริมส้นสบายกระเป๋ากว่าเยอะ ลั่น ขอห่างงานวาบหวิวโชว์หุ่นสักพัก หลังต้องใส่บิกินีถ่ายซีรีส์จนโด่งดังมีคนจำหน้าได้ ...
ประสบความสำเร็จไปอย่างยอดเยี่ยมกระเทียมเจียวจริงๆ สำหรับซีรีส์จีน “Blowing In The Wind” ซึ่งเป็นซีรีส์เรื่องแรกของ "นน ชานน สันตินธรกุล" หรือ "นนกุล" นักแสดงหนุ่มกล้ามแน่นร่างฟิตเปรี๊ยะสุดๆ ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาได้อย่างถล่มทลายเมื่อเห็นหนุ่มนนกุลในชุดกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋ว โดยเจ้าตัวบอกว่าอายที่สุดเท่าที่เคยโชว์มา เมื่อได้เจอหนุ่มนนจึงขอถามความรู้สึกเรื่องซีรีส์พร้อมกับไอเดียเพิ่มส่วนสูงตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว ...
ฟีดแบ็กของซีรีส์หลังแฟนๆ เห็นซิกส์แพ็กรู้สึกยังไง ?
ตอนที่ถ่ายทำแล้วต้องใส่กางเกงว่ายน้ำเดินรอบกองนั้นเขินมากๆ แต่ก็เริ่มชินแล้ว เรื่องหุ่นผมโดนแซวตั้งแต่ถ่ายนิตยสารแอตติจูด คงยังไม่มีอะไรหวือหวาไปกว่านี้แล้วขอพักก่อน ถ้าหวือหวาขนาดนี้คงไม่เหลืออะไรแล้วครับ
มีใครติดต่อมาหรือยังเรื่องถ่ายแบบเซ็กซี่ ?
ก็ไม่มีติดต่อมาให้ถ่ายหวือหวานะ ต่อให้มีผมก็คิดว่าไม่ถ่าย เพราะว่าถ้ามันไม่ได้เพื่อโปรโมตซีรีส์ของเราอะไรอย่างนี้ ผมยังไม่เห็นความจำเป็นต้องถอดแบบทั้งตัว เรามั่นใจหุ่นของเราประมาณหนึ่ง แต่ไม่กล้าไปเทียบนักเพาะกาย แต่เราก็ฟิตร่างกายไว้ตลอด พร้อมใช้งานตลอดยกเว้นจะมีบทที่ต้องลดความอ้วน หรือผอมมากๆ ก็อีกเรื่องหนึ่ง
มีเคล็ดลับอะไรไหม ?
วิธีฟิตร่างกายของผมก็คือแบ่งเวลาจะเล่นฟิตเนสวันละ 2 ส่วนอย่างเช่นอกกับแขน หนึ่งอาทิตย์เล่นให้ครบส่วนร่างกายจะได้สมส่วน จริงๆ ผมทำจนเป็นนิสัยแล้วด้วยครับ เราเลยรู้สึกว่าเหมือนเป็นงานอดิเรก
มีข่าวว่าไม่อยากเพิ่มสูงส่วนแล้ว
ช็อกมากๆ เพราะราคาหลายล้าน อย่างนี้ไม่โอเคนะก็แค่อยู่อย่างที่เราเป็น แต่เราก็ใช้วิธีสวมรองเท้าเสริมส้นบ้างตามงานตามโอกาส ไม่ได้เสริมเยอะมากเอาที่เดินแล้วยังสะดวก สูงสุดที่เคยใส่ก็ประมาณ 6 เซนติเมตร
ตอนนี้เดินไปไหนมาไหนแฟนๆ ที่จีนเริ่มจำหน้าได้แล้ว ...
ก็มีคนแบบว่าเวลาเดินตามท้องถนนก็มีคนจำหน้าได้บ้าง แต่คงไม่ได้เห็นแล้วจำได้เลย ก็รู้สึกดีที่คนเริ่มจำเราได้ เราต้องการเป็นนักแสดงที่ได้รับการยอมรับ นอกจากคนในไทยที่รู้จักเราถือเป็นอีกก้าวที่เราอยากจะเดินไป แต่ผมก็ยังเดินถนนได้ปกติ
เรื่องการสื่อสารมีปัญหาทางภาษาบ้างไหม ?
กับเรื่องภาษาจีนก็เรียกได้ว่าดีขึ้น แต่ผมยังไม่กล้าพูดว่าตัวเองพูดได้ดี สื่อสารพอได้ครับ เชื่อว่าเอาตัวรอดได้ ยังต้องเรียนภาษาจีนอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยต้องไปเรียนอาทิตย์ละครั้งเพราะไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะลืม ก่อนหน้านี้เวลาทำงานจะมีล่ามคอยช่วยแปลภาษาให้ แต่มันจะยากเรื่องของความช้าของการทำงานเพราะว่ามันมาจากตัวเราแหละ เราบอกผู้กำกับอย่างนี้ดีไหม ล่ามก็แปลแล้วก็พูด งานมันเลยช้านิดหนึ่ง อันไหนที่เป็นจีนแล้วเราฟังออกเราก็ทำตามได้เลย