6 วันปีใหม่เกิดอุบัติเหตุ 3,076 ครั้ง ดับ 317 เจ็บ 3,160 คน

2020-01-02 11:50:59

6 วันปีใหม่เกิดอุบัติเหตุ 3,076 ครั้ง ดับ 317 เจ็บ 3,160 คน

Advertisement

สรุป 6 วันปีใหม่ เกิดอุบัติเหตุ 3,076 ครั้ง เสียชีวิต 317 ราย บาดเจ็บ 3,160 คน ศปถ.เน้นย้ำบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง กำชับจังหวัดดูแลและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน คุมเข้มการขับรถเร็ว ง่วงหลับใน ฝากเตือนประชาชนเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนขับรถปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย

เมื่อวันที่ 2 ม.ค. นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย แถลงว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2563 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 ม.ค. 2563 ซึ่งเป็นวันที่ 6 ของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” เกิดอุบัติเหตุ 547 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 55 ราย ผู้บาดเจ็บ 577 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 39.31 ขับรถเร็ว ร้อยละ 28.34 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.35 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 65.81 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 36.75 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 35.83 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 00.01 – 04.00 น. ร้อยละ 30.71 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 21.84 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,036 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 64,989 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 1,014,405 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 246,328 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 61,416 ราย ไม่มีใบขับขี่ 55,467 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ สงขลา (32 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ราชบุรี และอุดรธานี (จังหวัดละ 4 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สงขลา (35 คน)


นายทรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 6 วันของการรณรงค์ (27 ธ.ค.62 – 1 ม.ค.63) เกิดอุบัติเหตุรวม 3,076 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 317 ราย ผู้บาดเจ็บ รวม 3,160 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 7 จังหวัด ได้แก่ ตราด พะเยา ภูเก็ต แม่ฮ่องสอน ยะลา ลำพูน และสตูล จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ สงขลา (95 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (14 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สงขลา (100 คน)

นายทรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ประชาชนบางส่วนยังคงอยู่ระหว่างการเดินทางกลับจากภูมิลำเนา ศปถ.จึงได้ประสานจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนตลอดเส้นทางอย่างต่อเนื่อง ดำเนินการแก้ไขปัญหาการจราจร โดยเปิดช่องทางพิเศษเพื่อเร่งระบายรถ และปิดจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ อาทิ ตั้งกรวยริมไหล่ทาง ปิดจุดกลับรถ เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยคุมเข้มผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย รวมถึงประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการขับรถเร็วและง่วงหลับใน อีกทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนที่ยังคงตกค้างบริเวณสถานีขนส่ง ท่าอากาศยาน ท่าเทียบเรือ และสถานีรถไฟทุกแห่งให้เดินทางกลับได้อย่างปลอดภัย


ด้าน นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง เปิดเผยว่า ขอให้จังหวัดวิเคราะห์ข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยให้ความสำคัญกับประเด็นที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะอำเภอที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง (พื้นที่สีแดงและสีส้ม) เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน สำหรับในวันนี้คาดว่ามีประชาชนบางส่วนเดินทางกลับ จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนต่อเนื่อง จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกบริเวณเส้นทางที่มีการจราจรแออัด โดยให้เข้มข้นเส้นทางสายรอง ทางเลี่ยง ทางลัด ซึ่งเป็นถนนทางตรง วิ่งสวนเลน และไม่มีเกาะกลาง ผู้ขับขี่มักใช้ความเร็วสูงทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ขอให้กวดขันการจอดรถริมทาง และร้านค้าที่วางสิ่งของล้ำช่องทาง เพื่ออำนวยการจราจรให้คล่องตัวและป้องกันอุบัติเหตุจากการแซงริมไหล่ทาง


นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์สถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 6 วันที่ผ่านมา พบว่า สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่ยังคงเกิดจากการดื่มแล้วขับ และขับรถเร็ว จึงขอฝากเตือนประชาชนให้เตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนขับรถ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มไม่ขับ เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน ไม่ขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ ไม่ตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด และมีน้ำใจต่อผู้ร่วมใช้เส้นทาง เพื่อให้ทุกคนเดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย