“เทพไท” ชี้ 10 ปัจจัยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง (คลิป)

2020-01-02 09:55:28

“เทพไท” ชี้ 10 ปัจจัยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง  (คลิป)

Advertisement

“เทพไท” วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองปี 2563 ร้อนแรง ระบุ 10 ปัจจัยอาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ถ้ารัฐบาลไม่สามารถแก้เกมได้

เมื่อวันที่ 2 ม.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เฟซบุ๊กไลฟ์จากสภากาแฟศูนย์เรียนรู้ประชาธิปไตย บ้านสำนักขัน อ.จุฬาภรณ์ วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองในปี 2563 ว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของรัฐบาล ภายในปี 2563 น่าจะเกิดจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่สั่งสมกันมา จนมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จากปรากฎการณ์ดังต่อไปนี้ 1. การอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2563 ในวาระ2และวาระ3 ซึ่งจะนำเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 8-9 ม.ค. 2563 นี้พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการอภิปรายแปรญัตติ ถล่มงบประมาณของกระทรวงกลาโหม เพื่อดิสเครดิตกองทัพและรัฐบาล 2. การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแบบรายบุคคลของพรรคฝ่ายค้าน ในเดือน ก.พ.นี้ หากสามารถเปิดแผลการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาลได้ หรือมีใบเสร็จแสดงหลักฐานการทุจริตได้ชัดเจน ก็จะมีการเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแน่นอน

นายเทพไท กล่าวต่อว่า 3. การปรับ ครม.ของรัฐบาล อาจจะเกิดขึ้นก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อลดกระแสหรือตัดหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อน หรืออาจจะมีการปรับ ครม. หลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้านแล้ว เพื่อใช้โอกาสนี้ปรับรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไปบ้าง แต่ทางการเมือง ถ้ารัฐบาลชุดใดปรับ ครม.เกิดขึ้น ก็จะเป็นสัญญานการนับถอยหลังทางการเมืองทันที 4.จับตาท่าที และความเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มพรรคเล็กที่รวมตัวกันมีจำนวน ส.ส.มากพอที่จะต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีได้ เช่น กลุ่มกิจสังคมใหม่ หรือพรรคเศรษฐกิจใหม่ 5.เหตุการณ์การพิจารณาพิพากษาคดียุบพรรคอนาคตใหม่ และคดีอื่นๆอีกหลายคดี หากพรรคอนาคตใหม่ถูกศาลตัดสินยุบพรรค จะต้องจับตา กลุ่มงูเห่า หรือการช้อนซื้อตัว ส.ส.เพื่อเข้าสังกัดพรรคร่วมรัฐบาล หรือพรรคขนาดเล็กเพื่อเพิ่มจำนวนส.ส.ให้เท่ากับโควต้ารัฐมนตรี 6.การนัดชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือแฟลชม็อบ และการเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกสภาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ ว่าจะมีพลัง หรือสร้างแรงกดดันทางการเมืองได้หรือไม่

นายเทพไท กล่าวด้วยว่า 7.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 จะได้เข้อสรุปภายใน 180 วันตามกำหนด จะมีการแก้ไขในประเด็นใดบ้าง และจะมีแรงต่อต้านหรือสนับสนุนของมวลชนของแต่ละฝ่ายหรือไม่ 8.การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาปากท้องของประชาชน ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ในรอบครึ่งปี หรือในไตรมาสที่2 จะมีผลสำเร็จมากน้อยเพียงใด 9.การเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจในกองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพราะปีนี้ พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก และพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 กันยายน ปีนี้การแต่งตั้งผู้มาดำรงตำแหน่งแทนจะมีการจัดสรรดุลอำนาจได้ลงตัวหรือไม่หรือจะเกิดแตกแยก เกิดแรงกระเพื่อมในกองทัพหรือไม่ 10. การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้านครั้งที่2 ในรอบหนึ่งปี เมื่อถึงวันนั้นเสถียรภาพรัฐบาล อาจจะง่อนแง่น มีสภาพทางการเมืองบอบช้ำมาตลอดหนึ่งปี ก็จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่พรรคฝ่ายค้านจะเผด็จศึกรัฐบาลลงได้ในการส่งท้ายปี 2563

“เพราะฉะนั้นตลอดปี 2563 สถานการณ์ทางการเมืองจะร้อนแรงขึ้นเป็นลำดับรัฐบาลก็จะได้รับแรงเสียดทานจากปัญหาการเมืองต่างๆนานา ถ้ารัฐบาลไม่สามารถแก้เกมการเมือง หรือปลดล็อกปัญหาทางการเมืองออกไปได้ก็อาจจะมีความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพราะอายุของสภาผู้แทนราษฎรอยู่มาได้เกือบครบ2ปี ถ้าไม่มีการยุบสภาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีก็ต้องลาออก เพื่อให้รัฐสภา โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพื่อบริหารประเทศต่อไป”นายเทพไท กล่าว