นี่เป็นบทเรียนสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและทีมงาน ที่จะโชว์ภาพพจน์ของผู้นำ ท่ามกลางกิจกรรมและมวลชน ซึ่งเป็นเรื่องที่จะขาดเสียไม่ได้
โดยเฉพาะเมื่อลงพื้นที่ หรือพบปะประชาชน ทีมงานจะต้องจัดเตรียม "ช็อตเด็ด" หรือช่วงเวลาพิเศษสุด ที่จะต้องประทับใจผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมทั้งผู้คนโดยทั่วไป ที่จะเห็นได้จากสื่อทีวี หรือภาพนิ่งบนหน้าหนังสือพิมพ์ รวมถึงคลิปภาพในโลกออนไลน์และสื่อโซเชียล
อย่างเช่น ช็อตชาวบ้านโอบกอด รุมแสดงความรัก ภาพข่าวหรือคลิปภาพนายกฯอุ้มเด็กพร้อมหยอกล้อหอมแก้ม แสดงออกถึงความรักความห่วงใย
หรือไม่ก็อาจเป็นกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ของงาน ร้อยทั้งร้อย ต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าก่อนทั้งสิ้น
ที่ผ่านๆ มาก็มักเป็นไปตามแพลนนิ่งและดีไซน์ที่ออกแบบไว้ ผ่านการเตรียมพร้อมและจัดตั้ง เพราะร้อยละร้อยหรือเกือบๆ เต็มร้อย ตัวละครจะผ่านการคัดกรองมาตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ผ่านผู้ใหญ่บ้านก่อนถึงระดับตำบลและอำเภอ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาพและบรรยากาศที่ชื่นมื่น มีชาวบ้านรุมล้อมผูกผ้าขาวม้าคาดพุงเลยไปจนถึงหน้าอก ล้วนเป็นเรื่องการจัดตั้ง
คนที่มีโอกาสอยู่กลุ่มประกอบซีนจะเป็นเฉพาะที่รักใคร่เทิดทูนนายกฯ หรือรัฐมนตรีเท่านั้น ส่วนใครที่ไม่มั่นใจ หรือไม่เห็นด้วย รวมถึงกลุ่มที่คัดค้านหรือจะยื่นหนังสือร้องเรียนความเดือดร้อนอะไร จะถูกกันไว้วงนอก
อีกทั้งนายกฯ "บื๊กตู่" ก็เติบโตเติบใหญ่บนเส้นทางของข้าราชการ โดยเฉพาะทหารและกองทัพ ผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่สามารถคัดค้านหรือแสดงความเห็นต่างได้ นอกจากคำพูด "ครับผม" ในยามที่ถูกอบรมหรือลงโทษ
แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เพราะเป็นโลกของความเป็นจริง ไม่ใช่จัดตั้งหรือกะเกณฑ์มา ทั้งความเห็น ความเชื่อ และความศรัทธาในเรื่องต่างๆหรือแม้แต่เรื่องตัวบุคคลเป็นเรื่องของปัจเจกชน
กิจกรรมรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน ปีใหม่ปลอดภัย เมาไม่ขับ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะชุดใหญ่ ที่มีรัฐมนตรีมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และรัฐมนตรีคนอื่น ตลอดจนผู้บริหารระดับสูงของหลายกระทรวงร่วมด้วยที่สถานีขนส่งหมอชิตเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม จึงเจอดี กลายเป็น "ซีนร้อน" ปรากฎบนสื่อแทบทุกประเภท ชนิด "ปาดหน้า" แย่งซีนกิจกรรมอื่นๆ ที่นายกฯทำไว้ อาทิ เป่าวัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทดลองใช้เครื่องป้องกันการหลับใน ตรวจสอบสภาพความพร้อมคนขับรถ บขส.ดีเด่น กระทั่งการทักทาย แจกลูกอมและชุดยาสำหรับการเดินทางให้กับผู้โดยสารรอเดินทางกลับบ้าน
ซีนเด่นๆ เหล่านี้ พลันมลายหายวับในบัดดล เมื่อไปเจอและร้องถามสุภาพสตรีคนหนึ่งที่นั่งคอยเวลารถออกบนชั้น 3 ของขนส่งหมอชิต และนั่งหน้าตาเฉยไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นใดๆ ทั้งที่ได้เจอกับนายกฯตัวเป็นๆ ที่ยืนและยื่นของแจกให้ตรงหน้า
"เบื่อนายกฯใช่ไหม?" คือประโยคกล่าวนำของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อเห็นเธอยกมือรับของแจกแบบขอไปที หน้าตายังคงเรียบเฉยเหมือนเดิม นายกฯก็รักษารูปมวยและพยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยประโยคที่ว่า
"เบื่อใช่ไหม โอเค ไม่เป็นไร คุณเบื่อผมอย่างไร แต่ผมเบื่อคุณไม่ได้ เพราะคุณเป็นคนไทย ขอบคุณที่เบื่อ"
ถือเป็นปฏิภาณไหวพริบส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เอาตัวรอดออกมาจากสถานการณ์ที่ไม่สู้จะดีนัก อย่างไรก็ตาม มันได้เกิด "ซีนเด็ด" เหนือทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว
ถือเป็นบทเรียนที่คุ้มค่าหาซื้อหรือหาดูไม่ได้ โดยเฉพาะจากในงานที่บรรดาทีมงานรอบข้างจัดขึ้นหลายๆ ครั้งในช่วงที่ผ่านๆ มา
ขณะที่นายกฯประยุทธ์ ก็คงได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เพื่อจะได้เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลายของผู้คนในโลกของความจริง และตอบโจทย์ข้อสงสัยที่ว่า เป็นเพียงการกล่าวอ้างและโกหกจากฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ เวลาที่พูดถึงความเดือดร้อนและไม่พอใจรัฐบาลของประชาชน
ปฏิกริยาอย่างหนึ่งที่สะท้อนภาพความรู้สึกของผู้คนที่เห็นต่างออกไปและสนใจเทน้ำหนักให้กับเรื่องนี้ คือมีปรากฎการณ์ ติดแฮทแทค #เบื่อนายก กระจายไปทั่วโลกโซเชี่ยลในเวลาอันรวดเร็ว
อย่ามองข้ามโลกในยุคสมัยปัจจุบัน ที่มาเร็วไปเร็วนะครับ
