“เสี่ยไฮ้-ลูกน้อง” ปากแข็งปฏิเสธฆ่าเซลส์สาว (คลิป)

2019-12-25 11:45:30

“เสี่ยไฮ้-ลูกน้อง” ปากแข็งปฏิเสธฆ่าเซลส์สาว (คลิป)

Advertisement

ตำรวจเค้นสอบ “เสี่ยไฮ้-ลูกน้อง” ยังให้การปฏิเสธฆ่าเซลส์สาว เล็งฝากขัง 26 ธ.ค. พร้อมคัดค้านการประกันตัว

จากกรณีตำรวจได้ออกหมายจับคนร้ายลงมือฆ่า น.ส.กลิ่นเกษร วงษ์สิงห์ อายุ 36 ปี เซลส์สาวขายปุ๋ย ที่กลายเป็นบุคคลสูญหายนาน 3 ปี โดยมีผู้ต้องหาในคดีนี้คือ เสี่ยไฮ้ และนายแจ็ค คนสนิทของเสี่ยตามที่ปรากฎเป็นข่าวไปแล้วนั้น 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ตำรวจภูธรภาค 1 ควบคุมตัว นายสันติ จึงทองดี หรือ เสี่ยไฮ้ และนายนิวัต เฉลิมวัฒน์ หรือ แจ็ค ผู้ต้องหาในคดีฆ่าน.ส.กลิ่นเกษร เซลล์สาวขายปุ๋ยใน จ.สระบุรี มาสอบปากคำเพิ่มเติมหลังสามารถจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า หลังจากที่พนักงานสอบสวน และ ชุดสืบสวนร่วมหาหลักฐานให้เจ้าหน้าที่นิติวิทยศาสตร์ และ กองพิสูจน์หลักฐาน ช่วยตรวจสอบเกี่ยวกับการเสียชีวิต จากกระดูกที่เจอในน้ำ ซึ่งมีทั้งพยานบุคคล หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ และ หลักฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยี จากการสอบปากคำผู้ต้องหา 2 คนให้การปฎิเสธ แต่ก็ยังอยู่ระหว่างสอบปากคำเพิ่มเติม โดยในวันที่ 26 ธ.ค. จะส่งฝากขังและคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากญาติของผู้ตายเกรงว่าจะได้รับอันตราย

พล.ต.ท.อำพล กล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การเป็นประโยชน์ในบางประเด็น แต่ไม่พูดถึงประเด็นเรื่องการหึงหวง มั่นใจว่าหลักฐานที่มี ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด ดีเอ็นเอที่พบในกระดูก และดีเอ็นเอที่ตรงกับแม่ของผู้ตายมีความเชื่อมโยงกันถึงผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จนทำให้ศาลออกหมายจับ รวมถึงพยานบุคคลในที่เกิดเหตุที่เล่าประเด็นว่าคนตาย สนิทและอยู่กับใครเป็นคนสุดท้าย ส่วนจุดเกิดเหตุเชื่อว่าน่าจะฆ่าที่โรงงาน แต่ตายด้วยวิธีไหน ยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบ

ด้านนายแจ็คอยู่ระหว่างตรวจสอบประวัติย้อนหลังและเชื่อว่านอกจากผู้ต้องหา 2 คนนี้แล้วยังมีผู้ที่ร่วมกระทำความผิดเพิ่มเติมอีกหลายคน แต่ในตอนนี้ยังไม่ออกหมายจับใคร สำหรับในคดีนี้ที่ไม่ได้ดำเนินการตั้งแต่ 3 ปี ที่แล้ว เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานที่แสดงได้ว่า น.ส.กลิ่นเกษรเสียชีวิตแล้ว

เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น,ซ่อนเร้นทำลายศพ,ร่วมกันทำให้เสียหายเคลื่อนย้ายทำให้เสื่อมค่าในส่วนของศพ และร่วมกันกระทำการใดๆแก่ศพ ทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนไปเพื่ออำพราง

ทั้งนี้ภายหลังการสอบปากคำเสร็จสิ้นตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรีได้คุมตัว 2 ผู้ต้องหาไปสอบปากคำเพิ่มเติมโดยระหว่างการควบคุมผู้ต้องหาไปขึ้นรถ นายสันติ หรือ เสี่ยไฮ้ ใช้หน้ากากอนามัยและผ้าปิดปากปิดบังใบหน้าและปฎิเสธที่จะตอบทุกคำถามเช่นเดียวกับ นายนิวัฒน์ หรือ แจ็ค 

ขณะที่ทีมทนายความหลังได้เข้าเยี่ยมและพูดคุยกับผู้ต้องหาระบุว่า เสี่ยไฮ้ ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียด เพราะผู้ต้องหายืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิดและที่ปฎิเสธข้อกล่าวหานั้นเนื่องจากเป็นข้อเท็จจริง หลังจากนี้เตรียมสู้คดีต่อศาล