ออสเตรเลีย อ่วม เจอคลื่นความร้อนรุนแรงครั้งประวัติศาสตร์

2019-12-20 05:00:26

ออสเตรเลีย อ่วม เจอคลื่นความร้อนรุนแรงครั้งประวัติศาสตร์

Advertisement


รัฐบาลออสเตรเลียประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ท่ามกลางความหวาดกลัวว่า คลื่นความร้อนที่ร้อนแรงเป็นประวัติการณ์ จะยิ่งซ้ำเติมวิกฤตไปป่าในรัฐแห่งนี้ให้เลวร้ายลงมากกว่าเดิม โดยออสเตรเลียเผชิญหน้ากับวันที่ร้อนที่สุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่สถิติถูกทำลายอีกครั้งในวันพุธ ซึ่งอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด 41.9 องศาเซลเซียส หลังจากที่เมื่อวันอังคารอยู่ที่ 40.9 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติของปี 2556 ซึ่งอยู่ที่ 40.3 องศาเซลเซียส ขณะที่ ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงในรัฐนิวเซาท์เวลส์กำลังต่อสู้กับไฟป่าประมาณ 100 จุด ที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือน

แกลดีส เบเรจิกเลียน นายกรัฐมนตรีหญิงของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 7 วัน เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่า สถานการณ์จะเลวร้ายลงอีก เธอกล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันพฤหัสบดีว่า ความวิตกกังวลครั้งใหญ่สุดในอีก 2-3 วันข้างหน้านี้ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ทั้งกระแสลมแรง และอุณหภูมิที่จะพุ่งสูงขึ้น



เจ้าหน้าที่เตือนว่า ทั้งอุณหภูมิที่สูงขึ้นและกระแสลมแรง ยิ่งจะทำให้วิกฤตรุนแรงมากขึ้น

หลายพื้นที่ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีซิดนีย์เป็นเมืองเอก อุณหภูมิอยู่ที่ 40 องศาต้น ๆ ในวันพฤหัสบดี คาดว่าความร้อนจะรุนแรงมากขึ้นในช่วงวันที่เหลือของสัปดาห์ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นการเพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่ในการจัดการกับวิกฤตได้มากขึ้น นับเป็นการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งที่ 2 แล้วในรัฐนิวเซาท์เวลส์ตั้งแต่เดือนที่แล้ว



สำนักงานอุตุนิยมวิทยา หรือบีโอเอ็ม แถลงว่า สถิติอุณหภูมิเฉพาะเดือนธันวาคม ถูกทำลายมาแล้วหลายครั้ง ในหลายพื้นที่ โดยอุณหภูมิในเมืองแอดิเลด ทางภาคใต้ของประเทศ เคยสูงถึง 45.3 องศาเซลเซียส ส่วนเมืองนัลลาร์บอร์ ภาคใต้เช่นกัน ก็สูงถึง 49.9 องศาเซลเซียส

บีโอเอ็ม เรียกร้องให้ประชาชนพยายามรักษาความเย็นในร่างกาย, ดื่มน้ำมาก ๆ และปฏิบัติตามคำแนะนำของสำนักงานป้องกันภัยฉุกเฉิน ท่ามกลางคลื่นความร้อนครั้งล่าสุด ซึ่งคาดว่าอุณหภูมิจะสูงเกิน 45 องศาเซลเซียส ในรัฐนิวเซาท์เวลส์และเซาท์ ออสเตรเลีย

คลื่นความร้อนถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงที่สุดในออสเตรเลีย คร่าชีวิตประชาชนหลายพันคนมากกว่าไฟป่า หรือน้ำท่วม

สำหรับสถานการณ์ไฟป่า ในออสเตรเลียไหม้ลามมาหลายเดือนแล้ว มีผู้เสียชีวิต 6 คน เผาผลาญอาคารบ้านเรือนหลายร้อยหลัง และพื้นที่อีกหลายล้านไร่ ขณะเดียวกัน เมื่อวันพฤหัสบดี ก็เกิดเหตุสลดขึ้นเมื่ออาสาสมัครช่วยดับไฟ 2 คน ต้องมาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของซิดนีย์ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า รถยนต์ของสำนักงานดับเพลิงรัฐนิวเซาท์เวลส์ หรืออาร์เอฟเอส ชนกับต้นไม้ต้นหนึ่ง และพลิกคว่ำตกถนนในคืนวันพฤหัสบดี ทำให้คนขับและผู้โดยสารนั่งเบาะหน้า เสียชีวิต ส่วนอาสาสมัครอีก 3 คนในรถยนต์คันดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ รวมผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นเป็น 8 คนแล้ว



นอกจากนี้ ควันไฟป่ายังกระจายปกคลุมท้องฟ้าในซิดนีย์อีกครั้ง ส่งผลให้คุณภาพอากาศเลวร้ายเกินระดับอันตราย ในหลายพื้นที่ของเมือง

วิกฤต ซึ่งเลวร้ายจากสภาพอากาศแห้งรุนแรง อันเนื่องมาจากความแห้งแล้งซ้ำซาก กระตุ้นให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์นโยบายด้านสภาพภูมิอากาศของออสเตรเลีย นอกจากนี้ ยังมีกระแสความไม่พอใจที่ประชาชนระบายผ่านโซเชียล มีเดีย ตำหนินายกรัฐมนตรีสกอต มอร์ริสัน ผู้นำออสเตรเลีย ที่ยังเดินทางไปท่องเที่ยววันหยุดในต่างประเทศในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ ซึ่งจากการรายงานของสื่อท้องถิ่น ระบุว่า นายมอร์ริสัน เดินทางไปยังฮาวาย สหรัฐพร้อมครอบครัว โดยมีประชาชนประมาณ 500 คน ประท้วงอยู่นอกบ้านพักของเขาในซิดนีย์เมื่อวันพฤหัสบดี เรียกร้องให้ใช้มาตรการเด็ดขาดในการแก้ปัญหาโลกร้อน