ส.ส.อนาคตใหม่อู้คำเมืองท้า “ศรีนวล” เดินตลาดวัดความนิยม - ลาออกลงเลือกตั้งใหม่ถ้ามั่นใจได้เป็น ส.ส.เพราะผลงานไม่เกี่ยวข้องกับพรรค
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่รัฐสภา ส.ส.ภาคเหนือ พรรคอนาคตใหม่ ตอบโต้ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ กรณีอ้างได้คะแนนอันดับ 1 ของประเทศจากผลงานส่วนตัว โดย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองโฆษกพรรค กล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจ และอยากเตือนสติของนางสาวศรีนวลก่อนเลือกตั้ง เพราะหากสิ่งที่พูดเป็นจริง ทำไมไม่ชนะในครั้งแรก การที่ได้คะแนนสูงสุดของประเทศ คือ การชนะเลือกตั้งซ่อมครั้งที่ 2 เพราะทุกสรรพกำลังของพรรคได้ถูกส่งไปช่วยเหลือ แต่นางสาวศรีนวลกลับมองไม่เห็น และให้ข่าวสาดเสียเทเสียกับพรรค ทำตัวเหมือนกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา จึงอยากให้นึกวันก่อนที่เข้ามาในพรรคอนาคตใหม่ และสิ่งที่ทำลงไปเหมาะสมหรือไม่ เพราะมติพรรคอนาคตใหม่ออกมาไม่ถึง 24 ชั่วโมง กลับพูดมีพรรคในใจ ซึ่งเชื่อว่าพรรคในใจไม่ได้เกิดหลังมีมติขับออกแน่นอน เหมือนวางแผนล่วงหน้า จึงตั้งคำถามว่า การเข้ามาเพื่อต้องการช่วยชาวบ้านจริง หรือมีเจตนาอื่น
ด้าน น.ส.เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภูมิภาค ภาคเหนือ กล่าวว่า ในฐานะเคยร่วมทำงานในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ขอเห็นแย้งว่า การที่คุณศรีนวลได้เป็น ส.ส.ที่มีส่วนสำคัญเพราะ สรรพกำลังต่างๆ ไม่ว่า แกนนำพรรค ผู้บริหารพรรค เพื่อน ส.ส. ของพรรค สมาชิกในเขต 8 และไม่เฉพาะเพื่อนพรรคอนาคตใหม่ แต่เพื่อนสมาชิกพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ที่ได้ให้ทั้งกำลังใจและเลือกตั้งมาจนได้ 7 หมื่นคะแนน อยากฝากว่า ตอนนี้ประชาชนที่ไม่พอใจฝากมาถึง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.เยาวลักษณ์ ได้กล่าวเป็นภาษาคำเมืองโดยแปลความได้ว่า รู้สึกผิดหวังในตัวนางสาวศรีนวล และประชาชนที่เชียงใหม่ก็ไม่พอใจ ทั้งนี้หากคุณศรีนวลมั่นใจว่าคะแนนที่ได้มาจากคะแนนส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค อยากให้กลับไปฟังเสียงในพื้นที่ ด้วยการลองไปเดินตลาดที่ไหนสักแห่ง ถ้าหากไม่มีเสียงโห่จะยอมกราบขอโทษ แต่ถ้าสิ่งที่พูดเป็นจริงให้พิจารณาตัวเอง ด้วยการลาออกจาก ส.ส.แล้วเลือกตั้งใหม่เพื่อพิสูจน์กัน
ด้าน นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า อยากฝากเพียงสั้นๆ ว่า ไหนๆ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ขออย่ามาทำร้ายกัน อย่ามาทำลายความฝันที่มี ความฝันที่คุณศรีนวลเองก็เคยบอกว่าเคยมีความฝันเช่นเดียวกัน แต่เมื่อแยกกันแล้ว อย่ามาทำร้ายกัน อย่าทำลายความฝันที่เคยมี และโดยเฉพาะการทำลายความรู้สึกของประชาชน