“ศรีสุวรรณ”ร้อง กกต.เอาผิด “ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์” จัดแฟลชม็อบ (คลิป)

2019-12-18 12:10:48

“ศรีสุวรรณ”ร้อง กกต.เอาผิด “ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์” จัดแฟลชม็อบ (คลิป)

Advertisement

“ศรีสุวรรณ”ร้อง กกต.เอาผิด “ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์” จัดแฟลชม็อบโทษถึงยุบพรรค

เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัย กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค ได้เป็นแกนนำในการจัดชุมนุมบริเวณสกายวอร์ค หน้าหอศิลป์ในวันเสาร์ที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอาจขัดต่อ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 และ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ทั้งนี้ การชุมนุมดังกล่าว มีการปราศรัยกล่าวโจมตีผู้นำประเทศอย่างเปิดเผย พร้อมนำตะโกนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก ซึ่งปรากฏเป็นภาพข่าวและคลิปวิดีโอเผยแพร่เป็นการทั่วไปในสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย อันสะท้อนให้เห็นถึงวิถีทางของการใช้มวลชนกดดันรัฐบาล โดยไม่คำนึงถึงว่าสถานะของตนเองเป็น ส.ส.หรือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองบัญญัติห้ามไว้

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้การจัดชุมนุมดังกล่าว ไม่ได้มีการแจ้งให้หัวหน้าสถานีตํารวจ สน.ปทุมวันให้รับทราบตาม ม.10 แห่ง พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 อีกทั้งสถานที่จัดชุมนุมอยู่ใกล้วังสระปทุมซึ่งอยู่ในรัศมีไม่ถึง 150 เมตร จึงถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืน ม.7 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ที่สำคัญ การกระทำดังกล่าวอาจเป็นการขัดหรือฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ม.45 ที่บัญญัติห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองกระทําการหรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทําการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนฯ ซึ่งอาจมีความผิดตาม ม.92(3) ประกอบ ม.115 ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้ กกต.มีอำนาจไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัย หากพบว่าฝ่าฝืนให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้นได้ และต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น

“ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจำต้องนำความพร้อมพยานหลักฐานมายื่นร้องต่อ กกต. ให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัยกรณีดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้บุคคลทั้ง 3 คนมิใช่ประชาชนทั่วไป หากแต่มีสถานะเป็นถึงหัวหน้าพรรคการเมืองและเป็นผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมือง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มีข้อห้ามไว้ การใช้สิทธิการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญได้ ก็จะต้องปฎิบัติตามกฎหมายด้วยจึงจะชอบ ไม่เช่นนี้นนักการเมือง พรรคการเมืองใด หากไม่พอใจรัฐบาล หรือแพ้เสียงในรัฐสภาก็อาจจะออกมาใช้วิธีการสร้างม็อบ ชักชวนมวลชนออกมาชุมนุมกันบนถนน ซึ่งเป็นวิธีการที่ขัดต่อกฎหมาย และเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีต่อระบบการเมืองของไทย และจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจขิงประเทศด้วย” นายศรีสุวรรณกล่าว