ศาลต่อต้านการก่อการร้ายปากีสถาน ในกรุงอิสลามาบัด มีคำพิพากษาเมื่อวันอังคาร (17 ธ.ค.) ให้ลงโทษประหารชีวิต อดีตประธานาธิบดีประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ จากความผิดฐานกบฏต่อแผ่นดิน และโค่นล้มรัฐธรรมนูญ จากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และระงับการบังคับใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ เมื่อเดือน พ.ย. 2550 แต่เป็นการตัดสินคดีลับหลัง เนื่องจากตัวจำเลยปัจจุบันลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ
นายซัลมาน นาดีม เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมปากีสถาน เผยว่า พล.อ.เปอร์เวซ มูชาร์ราฟ อดีตผู้นำกองทัพวัย 76 ปี ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด ฐานละเมิดมาตรา 6 แห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญปากีสถาน โดยองค์คณะผู้พิพากษา 3 คน ตัดสินให้ลงโทษประหารชีวิต ด้วยมติ 2 ต่อ 1 เสียง
นับเป็นครั้งแรกที่ปากีสถานมีการตัดสินลงโทษประหารชีวิต อดีตผู้นำที่มาจากกองทัพ ซึ่งทรงอิทธิพลและปกครองประเทศมายาวนาน หลังศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันอังคาร กลุ่มผู้นำกองทัพปากีสถานแสดงท่าทีโกรธเกรี้ยว โดยกล่าวว่า กระบวนการทางกฎหมายถูกเพิกเฉย
พล.อ.มูชาร์ราฟก่อรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อปี 2542 และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีระหว่างปี 2544 จนถึงปี 2551 รวมเวลา 7 ปี โดย พล.อ.มูชาร์ราฟลาออกจากตำแหน่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกถอดถอนโดยรัฐสภา หรือ อิมพีชเมนต์
มีความเป็นได้สูงที่ พล.อ.มูชาร์ราฟ จะไม่ถูกลงโทษตามคำพิพากษา เนื่องจากลี้ภัยอยู่ต่างแดน นับตั้งแต่คำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศถูกยกเลิกเมื่อปี 2559 และเขาเดินทางไปรักษาอาการป่วย ที่เมืองดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี และปัจจุบันพักอาศัยอยู่ 2 แห่ง คือดูไบ กับกรุงลอนดอน เมืองหลวงอังกฤษ
ส่วนอัคตาร์ ชาห์ ทนายความของมูชาร์ราฟ ประณามคำตัดสินประหารชีวิตดังกล่าว โดยระบุว่า ศาลต่อต้านการก่อการร้ายของประเทศ กระทำผิดทั้งหมด และบอกด้วยว่า การกระทำของมูชาร์ราฟระหว่างที่เขาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2550 นั้น เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ อย่างไรก็ตาม ประชาชนชาวปากีสถาน ก็แสดงปฏิกิริยาแตกต่างกันออกไปเกี่ยวกับคำตัดสินดังกล่าว ซึ่งมีทั้งสนับสนุนและคัดค้าน