พายุไต้ฝุ่นลูกใหญ่ "คัมมูริ" กำลังเคลื่อนตัวเข้าหาชายฝั่งทางภาคตะวันออกของฟิลิปปินส์ และคาดว่าจะขึ้นฝั่งเกาะลูซอน ในคืนวันจันทร์หรือเช้าวันอังคาร ทางการประกาศเตือนภัยหลายพื้นที่ รวมถึงเมืองหลวงกรุงมะนิลา ซึ่งประกาศปิดสนามบินหลัก ตั้งแต่เวลา 11 โมงเช้า จนถึง 5 ทุ่มวันอังคาร
สำนักอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์ คาดการณ์ว่า ไต้ฝุ่มคัมมูริจะพัดขึ้นฝั่งทางตะวันออก ช่วงกลางดึกคืนวันจันทร์ หรือเช้าวันอังคาร ด้วยความเร็วลมสูงสุดบริเวณศูนย์กลาง 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และลมกระโชกความเร็วถึง 175 กิโลเมตรต่อชั่วโม ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในจังหวัดอัลไบ ซอร์โซกอน คาตานดูอันส์ ซามาร์ และหมู่เกาะเลย์เต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไต้ฝุ่นจะขึ้นฝั่ง
นายมาร์ค ทิมบัล โฆษกสำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติฟิลิปปินส์ เผยเมื่อวันจันทร์ว่า มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดคลื่นทะเลสูงถึง 3 เมตร พัดเข้าหาชายฝั่ง ทางการจึงดำเนินการอพยพประชาชนประมาณ 90,000 คน ออกจากบ้านเรือนในพื้นที่เสี่ยง ไปพักอาศัยชั่วคราวอยู่ตามศูนย์ของทางการ
ไต้ฝุ่นคัมมูริมีทิศทางพัดเลยต่อไปยังกรุงมะนิลา เมืองประชากร 13 ล้านคน ทางตะวันตกของเกาะลูซอน ที่กำลังมีการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2019 หลายชนิดกีฬา และเมื่อวันจันทร์ คณะกรรมการจัดการแข่งขัน ได้ประกาศปรับตารางหรือเลื่อนการแข่งขัน หลายรายการ เพื่อความปลอดภัยของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่

ทางด้านนายเอ็ด มอนเรียล ผู้จัดการท่าอากาศยานนานาชาตินินอย อาคีโน หรือ สนามบินมะนิลา เผย ว่า สนามบินมะนิลาจะปิดให้บริการผู้โดยสารเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่เวลา 11.00 น. ไปจนถึงเวลา 23.00 น. วันอังคาร ตามมาตรการป้องกันล่วงหน้า

ฟิลิปปินส์ ประเทศหมู่เกาะประชากรกว่า 100 ล้านคน ทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก เผชิญกับพายุไต้ฝุ่นและพายุโซนร้อนพัดขึ้นฝั่งระมาณ 20 ลูก และมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนในแต่ละปี พายุรุนแรงที่สุดของประเทศ เท่าที่เคยมีการบันทึกคือ ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน เมื่อต้นเดือน พ.ย. 2556 ด้วยความเร็วของลม 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีผู้เสียชีวิตและสูญหายกว่า 7,300 คน.