นายกฯเปิดงานมหกรรมยางพาราหนุนส่งออกจับคู่ธุรกิจ

2019-11-29 11:20:20

นายกฯเปิดงานมหกรรมยางพาราหนุนส่งออกจับคู่ธุรกิจ

Advertisement

“นายกฯ- จุรินทร์ –เฉลิมชัย” ร่วมงานมหกรรมยางพารายิ่งใหญ่ส่งท้ายปี หนุนการส่งออก จับคู่ธุรกิจส่งเสริมการขาย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 พ.ย. ที่อิมแพค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี จ.นนทบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เปิดงาน “Thailand Rubber Expo” โดยมี นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ร่วมด้วย โดยงานนี้จัดโดยการยางแห่งประเทศไทย มีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เป็นผู้ดำเนินการ


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ 20 ปี และแผนบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบ พ.ศ.2560-2564 มียุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและยกระดับมาตรฐานสินค้ายางพารา รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันภาคการเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ควบคู่ไปกับบริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้นและสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ ในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกร และสถาบันเกษตรกรมีความเข้มแข็งและมีความเป็นอยู่ที่ดี มั่นคงและยั่งยืน แม้ว่าในอดีตอุตสาหกรรมยางพาราของไทยมีความเติบโตตามทิศทางราคายางและความต้องการใช้ยางทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ปัจจุบันอุตสาหกรรมยางของไทยกำลังเผชิญกับความท้าท้ายจากภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน ประเทศที่เป็นตลาดหลักยางพาราที่ไทยต้องพึ่งพาเพื่อการส่งออก เช่น สหรัฐอเมริกาและยุโรปมีการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ หรือประเทศคู่มิตรอย่างจีนที่ต้องการเป็นศูนย์กลางสินค้ายางพาราระดับโลกตามแผนพัฒนาของจีน มีการลงทุนปลูกยางในประเทศอื่นเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม) ซึ่งจะทำให้จีนสามารถเพิ่มผลผลิตยางพาราเพื่อใช้ภายในประเทศมากขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อการนำเข้าของไทยได้

นายกฯ กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของไทยอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการพัฒนาและผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยางแบบครบวงจร มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางยางพาราในภูมิภาค เพื่อรักษาระดับผู้ผลิตและผู้ส่งออกยางอันดับหนึ่งของโลก รวมทั้ง การส่งเสริมให้ผู้ผลิตยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางพาราพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์ เพื่อเข้าสู่ระบบห่วงโซ่อุปทานของโลก พร้อมยกระดับและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้ายางพาราไทย ให้เกิดความเชื่อมั่นต่อผู้ซื้อในต่างประเทศอย่างที่เป็นมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม การเพิ่มความต้องการของยางพาราในตลาดโลก รัฐบาลไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะตลาดส่งออกหลักเท่านั้น แต่ยังคงดำเนินงานเชิงรุกเพื่อแสวงหาและขยายไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพอื่นๆ เช่น อินเดีย ตุรกี เยอรมนี รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ยาง อันเป็นมาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางในการสร้างเสถียรภาพราคายางให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางของประเทศไทย


นายกฯ กล่าวอีกว่า อุตสาหกรรมยางของไทยมีจุดแข็งเนื่องจากมีหน่วยงานกำกับและดูแลส่งเสริมอุตสาหกรรมยางอย่างครบวงจร เช่น กรมวิชาการเกษตร การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์และเอกชนในหลายภาคส่วนในการร่วมกันพัฒนาและผลักดันสินค้ายางพาราของไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้เป็นอย่างดี

สำหรับการจัดงาน “Thailand Rubber Expo ” ในครั้งนี้ ซึ่งมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการยางแห่งประเทศไทยเป็นแม่งานหลัก ในฐานะหน่วยงานที่ใกล้ชิดและเข้าใจถึงความต้องการของเกษตรกรโดยตรง จัดงานนี้ขึ้นเพื่อเป็นหนึ่งในกลไกและเวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมยางพาราไทยตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมทั้ั้งนำไปสู่ความร่วมมือ การสร้างเครือข่าย การเจรจาการค้าการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นในอนาคต พร้อมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับพี่น้้องเกษตรกรชาวสวนยางไทยต่อไป

ด้านนายเฉลิมชัย กล่าวว่า ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ในแต่ละปีประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพาราธรรมชาติอันดับหนึ่งของโลก ผลผลิตต่อปีเฉลี่ย 4.9 ล้านตัน สร้างรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 1.5 แสนล้านบาท มีเกษตรกรอยู่ในวงจรการผลิตกว่า 1.7 ล้านครัวเรือน การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นองค์กรกลางที่รับผิดชอบดูแลการบริหารจัดการยางพาราของประเทศทั้งระบบอย่างครบวงจร บริหารจัดการเกี่ยวกับการเงินของกองทุนพัฒนายางพารา รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางพารา โดยการส่งเสริมสนับสนุน และจัดให้มีการศึกษา วิเคราะห์วิจัย พัฒนาเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับยางพารา ส่งเสริม สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง และผู้ประกอบกิจการยาง ทั้งด้านวิชาการ การเงิน การผลิต การแปรรูป การอุตสาหกรรม การตลาด การประกอบธุรกิจ และการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงดำเนินการให้ระดับราคายางพารามีเสถียรภาพ

นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า การที่การยางแห่งประเทศไทย จะก้าวสู่การเป็น “องค์กรชั้นนำระดับสากลในการบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบ” ตามวิสัยทัศน์ที่ได้ตั้งไว้นั้น ต้องมีการบูรณาการจากหลายภาคส่วนร่วมกันเป็นพันธมิตรในการพัฒนายางพาราทั้งระบบ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้นและคุณภาพชีวิตที่มั่นคง พร้อมทั้งสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันเกษตรกร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบกิจการยาง ในขณะเดียวกันเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต การค้า และนวัตกรรมด้านอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ยางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับว่าเป็นบทบาทของประชาชนคนไทยทุกๆ คน ที่ต้องร่วมกันสนับสนุนสินค้าหรือผลิตภัณฑ์จากยางพาราของไทย

นายเฉลิมชัย กล่าวด้วยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จึงได้จัดงาน "Thailand Rubber Expo" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีในการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการด้านยางพาราทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์จากยางพาราของเกษตรกร สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางไทย และผู้ประกอบกิจการ รวมทั้งแสดงศักยภาพความเป็นผู้นำของไทยในฐานะผู้ผลิตยางคุณภาพและธุรกิจการส่งออกยางพารารายใหญ่ของโลก โดยใช้รูปแบบการบูรณาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับวงการยางพาราของไทยเพื่อให้สาธารณชนได้มีโอกาสได้รับความรู้ และเข้าใจประโยชน์ของยางพารามากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การต่อยอด พัฒนานวัตกรรมการแปรรูปยางพาราต่อไป