รองโฆษก ตร.เผยลูกฆ่าหั่นศพแม่ยัดตู้เย็นป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหามูลเหตุในการก่อเหตุ
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีเหตุลูกชายฆ่าแม่ยัดตู้เย็น ในพื้นที่ สน.ท่าข้าม ว่า ได้รับรายงานจาก สน.ท่าข้ามว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ได้รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 17 (96/320) หมู่บ้านพิศาล ซอยท่าข้าม 28 แยก 6 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน. กทม. เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบศพ น.ส.ยุรีย์ เถาวัลย์ อายู 42 ปี ลักษณะศพถูกแยกเป็นชิ้นส่วน แช่ไว้ในตู้เย็น และพบผู้บาดเจ็บ 1 ราย คือ นายศิระ สมเดช อายุ 20 ปี ลูกชายผู้ตายมีแผลจากรอยกระสุนปืนที่ศีรษะ
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้แจ้งซึ่งเป็นเพื่อนที่ทำงานของผู้ตาย ไม่พบ น.ส.ยุรีย์ ไปทำงาน จึงได้ติดตามมาที่บ้านที่เกิดเหตุ พบนายศิระอยู่ในอาการเพ้อร้องไห้บอกว่าแม่ไม่อยู่แล้ว จากนั้นผู้แจ้งสังเกตเห็นที่ตู้เย็นเปิดแง้มอยู่มองภายในเห็นสภาพศพถูกหั่นซุกซ่อนอยู่ จึงวิ่งออกมา แล้วรีบแจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ ต่อมาได้ยินเสียงปืนดัง 1 นัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบพบ นายศิระลูกชายผู้ตายใช้อาวุธปืนยิงศีรษะตังเองได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยอาวุธปืนตกอยู่ข้างตัว เจ้าพนักงานตำรวจประสาน รถกู้ชีพ รพ.นครธน นำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลในพื้นที่ เบื้องต้นจากการสืบสวนสอบสวนพยานละแวกที่เกิดเหตุ ทราบว่านายศิระผู้ก่อเหตุ มีโรคประจำตัว คือ โรคซึมเศร้า ขณะนี้อยู่ในระหว่างสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อหามูลเหตุในการก่อเหตุและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
รองโฆษก ตร. กล่าวด้วยว่า ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต โดยพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำพยาน รอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานที่เกี่ยวข้อง รอแพทย์ มาประกอบคดี และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด แสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อใช้ประกอบในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้พนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว สอบสวนให้สิ้นกระแสความในทุกประเด็น อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หรือพยานหลักฐานที่ชี้ถึงตัวผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
น.ส.วรนุช วงษ์ชัย อายุ 35 ปี เพื่อนร่วมงานของผู้ตายซึ่งพบศพเป็นคนแรก ให้การว่า ตนและผู้ตายทำธุรกิจเกี่ยวกับไฟแนนซ์รถยนต์ เมื่อคืนที่ผ่านมาตั้งแต่เวลาประมาณ 20.00 น. พยายามโทรศัพท์หาผู้ตายหลายครั้งเนื่องจากจะคุยกันเรื่องธุรกิจ ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งวันนี้ช่วงบ่ายจึงเดินทางมาหาที่บ้าน เห็นรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน 3 กจ 1116 กรุงเทพมหานครจอดอยู่ เมื่อเข้าไปในบ้านพบ นายศิระ บุตรชายผู้ตายยังสวมเครื่องแบบนักศึกษา จึงสอบถามหามารดา เจ้าตัวอ้างว่าไม่เห็น แต่ระหว่างที่พูดคุยกับนายศิระ ซึ่งรู้ประวัติว่าป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและมักมีปากเสียงกับแม่ตัวเองเป็นประจำ ก็สังเกตเห็นมีพฤติกรรมแปลกๆ ประกอบกับกระเป๋าและทรัพย์สินที่ผู้ตายใช้ก็ยังวางอยู่ในบ้าน จึงเชื่อว่าน่าจะมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น จากนั้นตนก็พยายามตะโกนเรียกผู้ตายก็ไม่มีเสียงตอบรับ เมื่อเดินไปเปิดตู้เย็นช่องฟรีซชั้น 2 ถึงกับตกใจที่พบศพ ช่วงนั้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ นายศิระ หยิบปืนมาจากไหนไม่ทราบจ่อยิงที่ขมับขวาตัวเอง 1 นัดจนล้มลง พอตั้งสติได้ตนก็รีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ
ด้าน พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.9 กล่าวว่า บ้านหลังนี้มีแค่ผู้ตายกับบุตรชาย อยู่กันแค่ 2 คน มานาน 3 ปีแล้ว เนื่องจากผู้ตายกับสามีแยกทางกัน จากการสอบถามญาติๆ ที่เดินทางมาดูศพ ทราบว่า บุตรชาย ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าต้องรักษาอาการกับแพทย์มาได้ประมาณ 2 ปี ประกอบกับในบ้านที่เกิดเหตุก็พบยารักษาโรคซึมเศร้า พร้อมด้วยชุดอุปกรณ์มีดทำครัว ซึ่งทำความสะอาดเก็บไว้ในห้องครัวเป็นที่เรียบร้อย
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าล่าสุดนายศิระได้เสียชีวิตแล้ว
ขอบคุณภาพจาก : กู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง