"ลดาวัลลิ์" รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี

2019-11-25 10:50:34

"ลดาวัลลิ์" รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี

Advertisement

"ลดาวัลลิ์" ร่วมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประกาศถึงเวลาชายไทยไม่ทุบตีทำร้ายภรรยา ลดคดีอาชญากรรมทางเพศ จี้รัฐใช้กฏหมายจริงจัง

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า วันที่ 25 พ.ย.เป็นวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล ออกมติรับรองโดยองค์การสหประชาชาติ ตนขอเข้าร่วมในกิจกรรมรณรงค์ในวันสำคัญนี้ด้วยในฐานะที่เป็นสตรีคนหนึ่ง จากการสังเกตการทางสังคมพบว่าในรอบหลายปีที่ผ่านมาจนกระทั่งปัจจุบัน ความรุนแรงที่เกิดจากการทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัวทั้งต่อร่างกาย วาจาและจิตใจ สถิติความรุนแรงจากการทุบตีทำร้าย การคุกคาม การล่วงละเมิด การแสวงหาประโยชน์ทางเพศไม่ได้ลดน้อยลง ตรงกันข้ามกลับเพิ่มมากขึ้น แม้แต่ในโรงเรียนผู้ได้ชื่อเป็นครูอาจารย์ก็กระทำรุนแรงต่อลูกศิษย์อย่างไร้ความปราณีและมโนธรรม เป็นสภาวะที่น่าวิตกอย่างยิ่ง

นางลดาวัลลิ์ กล่าวว่า จาก ข่าวสารที่ปรากฏผ่านสื่อต่างๆพบว่า ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและผู้ที่กระทำความรุนแรงคือผู้ชาย ทั้งนี้ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ขาดสตินำไปสู่การใช้ความรุนแรงผู้ที่เป็นพ่อแม่จริงหรือพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงก็ทำร้ายลูก จนกระทั่งลูกซึ่งยังไร้เดียงสาได้รับอันตรายบาดเจ็บอย่างน่าสงสาร 

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า ในการป้องกันและแก้ไขนั้น นอกจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาครัฐจะต้องเป็นหลัก ในการที่จะ สร้างความรู้ความเข้าใจความตระหนัก ด้วยการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ให้ผู้ที่อยู่ในสภาพกลุ่มเสี่ยงที่จะใช้ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเด็กและสตรี และตนเองที่เป็นผู้กระทำ ขณะเดียวกันหน่วยงานรัฐก็ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังด้วย พ.ร.บ.คุ้ม ครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว กำหนดว่าผู้ใดกระทำการอันเป็นความรุนแรงในครอบครัวผู้นั้นกระทำความผิดฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน6,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“สำหรับองค์กรพัฒนาเอกชนทางด้านเด็กและสตรีซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือและสนับสนุนการปฏิบัติงานของ หน่วยงานรัฐอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะเปิดใจกว้าง ที่จะยอมรับให้องค์กรพัฒนาเอกชนเหล่านี้เข้ามาร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีด้วยหรือไม่ เพื่อจะได้ลบล้างสถิติองค์การสหประชาชาติที่ระบุว่าไทยมีสถิติคดีความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกอย่างต่อเนื่อง“นางลดาวัลลิ์ กล่าว