วิกฤตฮ่องกง ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ (คลิป)

2019-11-19 14:40:23

วิกฤตฮ่องกง ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ (คลิป)

Advertisement


ผู้ประท้วงประมาณ 100 คนยังคงปักหลักอยู่ภายในมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิค หรือโพลียู ที่ถูกตำรวจปิดล้อมไว้ทุกทิศทาง ขณะที่ความขัดแย้งเข้าสู่วันที่ 3 และเสบียงที่เหลืออยู่ อาจอยู่ได้อีก “วันเดียว” พวกที่ติดอยู่ภายในคาดว่าจะถูกจับกุม และตั้งข้อหาหนัก ก่อการจลาจล หากพวกเขาออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัย

ความคืบหน้าสถานการณ์ประท้วงในฮ่องกง



ม็อบประชาธิปไตยหลายคน ถูกจับกุมตัวเมื่อวันจันทร์ขณะพยายามวิ่งหนีออกจากรั้วมหาวิทยาลัยโพลียู ซึ่งถูกปิดล้อมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีผู้ประท้วงประมาณ 100 คน พยายามที่จะออกจากโพลียู แต่ต้องพบกับแก๊สน้ำตาและกระสุนยางของตำรวจปราบจลาจลต้องเผ่นกลับเข้ามหาวิทยาลัยอีก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่หลบหนีออกมาได้สำเร็จ ด้วยการใช้เชือกไต่โรยตัวลงมาจากสะพานก่อนจะมีรถจักรยานยนต์ที่ติดเครื่องจอดรออยู่แล้ว พาหลบหนีไป เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแถลงว่า มีผู้บาดเจ็บ 116 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

ยังมีผู้ประท้วงกลุ่มเล็ก ๆ ปักหลักอยู่ในโพลียู ซึ่งตั้งอยู่ตอนใต้สุดของคาบสมุทรเกาลูน และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้ ได้แปรสภาพเป็นสนามรบขนาดย่อม ๆ ขณะที่การประท้วงต่อต้านรัฐบาลยืดเยื้อเกือบ 6 เดือน สถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และจนถึงเช้าวันอังคาร เดเรค หลิว ประธานสหภาพนักศึกษาของโพลียู ประเมินว่า ยังมีผู้ประท้วงประมาณ 300 คน อยู่ในมหาวิทยาลัย ส่วนเจ้าหน้าที่กาชาด กล่าวว่า ได้อพยพผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 6 คน ออกจากมหาวิทยาลัยเมื่อคืนที่ผ่านมา ผู้บาดเจ็บบางคนมีอาการกระดูกขาแตก, ไฟลวกและผิวหนังตาย



แนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงมากขึ้น เริ่มส่อเค้า โดยในบ่ายวันจันทร์ ตำรวจปราบจลาจลพร้อมปืนไรเฟิลจู่โจม เข้าเคลียร์พื้นที่ ในเขตจอร์แดนของเกาลูน ซึ่งตำรวจก็ยืนยันกับซีเอ็นเอ็นว่า อาวุธ “พร้อมใช้งาน” ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังมีแถลงการณ์ฉบับหนึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่ตำรวจบอกว่า พวกเขาพร้อมใช้กระสุนจริงหากจำเป็น

กลุ่มผู้ประท้วงซ่องสุมกำลังอยู่ในโพลียูตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว หลังการประท้วงรุนแรงลุกลามเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วเกาะฮ่องกง และแปรเปลี่ยนมหาวิทยาลัยกลายเป็นค่ายประท้วงชั่วคราว พวกเขาใช้โพลียูเป็นฐานที่มั่น ปฏิบัติการปิดถนนใกล้เคียงและอุโมงค์ ครอส ฮาร์เบอร์ ข้ามอ่าววิคตอเรีย ที่เชื่อมเกาลูนกับเกาะฮ่องกง

อุโมงค์แห่งนี้ เป็นเส้นทางข้ามอ่าวที่แออัดที่สุดใน 3 แห่ง ซึ่งจากสถิติของรัฐบาลฮ่องกงในปี 2560 พบว่ามีรถยนต์มากกว่า 110,000 คัน ใช้อุโมงค์ข้ามอ่าวทุกวัน

ความพยายามก่อนหน้านี้ ของตำรวจในการเคลียร์พื้นที่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ต้องพบกับการต้านทานอย่างหนัก กลุ่มผู้ประท้วงในมหาวิทยาลัยจุดไฟเผาหลายจุดจนเป็นทะเลเพลิง เพื่อขัดขวางการรุกคืบของตำรวจ และเริ่มใช้ระเบิดเพลิง, ก้อนอิฐและวัตถุอื่น ๆ โจมตีเจ้าหน้าที่ ซึ่งตำรวจนายหนึ่งถูกยิงด้วยธนูเสียบเข้าที่ขา ตำรวจก็ตอบโต้ด้วยการยิงแก๊สน้ำตา, กระสุนยางและปืนฉีดน้ำแรงดันสูง นอกจากนี้ ยังมีภาพปรากฏให้เห็นพลแม่นปืนของตำรวจ อยู่บนหลังคาอาคารใกล้เคียงหลายหลังด้วย



ในแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง ตำรวจระบุว่า “แก๊งผู้ก่อจลาจลกลุ่มใหญ่” ขว้างปาระเบิดเพลิงเจ้าใส่ตำรวจ และจุดไฟเผาวัสดุเศษซากต่าง ๆ จนกระทั่งถึงเวลาประมาณ 05.30 น. ตำรวจยังคงปฏิบัติการเพื่อสลายการชุมนุมและจับกุมตัว ขณะที่กลุ่มผู้ก่อการจลาจลที่รวมตัวกันอยู่ภายในมหาวิทยาลัย ก็จุดไฟเผา และสร้างความเสียหายอย่างหนัก

กลุ่มผู้ประท้วงเริ่มออกจากมหาวิทยาลัยในเช้าวันจันทร์ อย่างไรก็ตาม มีบางส่วนต้องย้อนกลับเข้ามหาวิทยาลัย หลังตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและขยายการปิดล้อม ผู้ประท้วงกล่าวว่า ผู้ที่พยายามจะออกจากมหาวิทยาลัย ถูกจับกุม และบ่นว่า พวกเขากำลังถูกเจ้าหน้าที่ล้อมกรอบให้ติดอยู่ภายในมหาวิทยาลัย

ผู้ที่ยังคงติดอยู่ภายใน กล่าวว่า บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดอย่างมาก โดยในช่วงคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รัฐบาลถูกส่งเข้ามายังมหาวิทยาลัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประท้วงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะออกมา แถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กของตำรวจฮ่องกง ระบุว่า เจ้าหน้าที่นักสังคมสงเคราะห์ จะช่วยดูแลสวัสดิการของพวกเขา และจะยังดูแลระหว่างมีการสอบสวนเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจด้วย



“แน่นอนว่า พวกเราต้องการออกจากมหาวิทยาลัย” ผู้ประท้วงวัย 23 ปี กล่าวกับซีเอ็นเอ็นทางโทรศัพท์จากในโพลียู “ขณะนี้ พวกเรายังคงปลอดภัยดี แต่หากพวกเราพยายามที่จะออกจากมหาวิทยาลัย พวกเขาก็จะจับกุมพวกเรา พวกเขาปิดล้อมมหาวิทยาลัยไว้ทั้งหมด

ผู้ประท้วงคนดังกล่าวไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่กล่าวว่า เขากำลังมีความวิตกว่าจะบอกพ่อแม่ได้อย่างไร เพราะพ่อแม่ยังไม่รู้ว่าเขาอยู่ภายในมหาวิทยาลัย พ่อแม่ของเขาคิดว่า เขาพักอยู่ที่บ้านเพื่อนสาวของเขา

“พวกเราอาจต้องรอเวลาอีกนาน” เขากล่าว เพราะเขาคิดว่า ยุทธศาสตร์ของตำรวจคือการปิดถนนอีก 2-3 วัน เพื่อให้ทุกคนติดอยู่ภายใน และในที่สุด ก็เข้าจับกุมตัวทุกคนที่อยู่ในมหาวิทยาลัย ขณะนี้ พวกเราต้องการหลบหนีออกจากมหาวิทยาลัย พวกเราไม่มีอุปกรณ์ใด ๆ เพื่อช่วยในการต่อสู้แล้ว”

แต่ในเวลาต่อมา เขาก็หลบหนีออกมาได้พร้อมกับแฟนสาว หลังจากหลบซ่อนตัวอยู่ใต้สะพานและวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เขารู้ว่า มีผู้ประท้วงประมาณ 50 คน ที่หลบหนีออกมาได้ด้วย บางคนโรยตัวตามเชือกลงมาจากสะพาน แล้วก็นั่งรถจักรยานยนต์ที่จอดรออยู่หนีไป หรือบางคนก็วิ่งหนีไปตามทางรถไฟ



“ไม่มีใครเตรียมตัวสำหรับการถูกจับกุม จนกว่าคุณต้องเผชิญหน้ากับมัน ในช่วงแรกของการปฏิวัติ ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเราต้องเตรียมพร้อมที่จะถูกจับกุม แต่คุณก็ไม่คิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนกว่ามันใกล้จะเกิดขึ้นกับคุณ” เขากล่าว การประท้วงเริ่มต้นขึ้นในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อต่อต้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งจุดชนวนให้เกิดการประท้วงใหญ่ทั่วเกาะฮ่องกง รัฐบาลได้ระงับร่างกฎหมายดังกล่าว แต่ไม่ได้เป็นการถอนออกไป กว่ารัฐบาลจะตัดสินใจยกเลิกร่างกฎหมายฉบับนี้ เวลาก็ล่วงเลยผ่านมาแล้ว 3 เดือน เป้าหมายการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ประท้วงก็ขยายออกไป เป็นการเรียกร้องประชาธิปไตยมากกว่าที่เป็นอยู่ และให้ทำการสอบสวนเอาผิดตำรวจที่ใช้กำลังป่าเถื่อนในการปราบปรามม็อบ

การประท้วงรุนแรงมากขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังการเสียชีวิตของนักศึกษาคนหนึ่ง ซึ่งพลัดตกลงมาจากอาคารหลังหนึ่งระหว่างการกวาดล้างของเจ้าหน้าที่ และผู้ประท้วงอีกคนถูกตำรวจยิงระหว่างปะทะกันในช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ย. นอกจากนี้ ยังมีชายอีกคนถูกสาดด้วยน้ำมันและจุดไฟเผาระหว่างทะเลาะกับกลุ่มผู้ประท้วง ส่วนชายวัย 70 ปี เสียชีวิตหลังจากถูกขว้างด้วยก้อนอิฐเข้าที่ศีรษะระหว่างปะทะกับผู้ประท้วง ซึ่งตำรวจกล่าวว่า กำลังสอบสวนดคีนี้ ในข้อหาฆาตกรรม

บรรยากาศของการเจรจาแก้ปัญหา ยังอยู่ห่างไกล

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ศาลสูงของฮ่องกง มีคำพิพากษาแล้วว่า คำสั่งห้ามสวมหน้ากากที่รัฐบาลประกาศเป็นกฎหมายบังคับใช้ด้วยความหวังว่าจะทำให้การสวมหน้ากากของผู้ประท้วงเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งความตึงเครียดอาจทวีความรุนแรงขึ้นอีกจากการที่รัฐบาลจีนประณามการตัดสินของศาลสูงฮ่องกง ที่คว่ำคำสั่งห้ามสวมหน้ากากดังกล่าว



จนถึงวันนี้ วิกฤตฮ่องกง ยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์