นายกฯ ยันซื้อขีปนาวุธฮาร์พูนจำเป็นติดเรือฟริเกต ไม่มุ่งหวังรบกับใคร แต่มีไว้ป้องกันตนเอง ฝึกร่วม รบร่วม ถามกลับหากมีแค่ยุทโธปกรณ์สับปะรังเคจะวิ่งตามคนอื่นทันหรือไม่
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงการจัดซื้ออาวุธปล่อยนำวิถี ฮาร์พูน บล็อค ทูว์ รุ่น RGM-84L มูลค่ากว่า 800 ล้านบาทจากสหรัฐฯ ว่า เป็นการจัดซื้อที่อยู่ในงบประมาณประจำปีอยู่แล้ว ไม่ได้เพิ่มเติมในงบกลาง ซึ่งเป็นเรื่องของการต่อเรือฟริเกตที่มีความจำเป็นในการดูแลอธิปไตย เพราะเรือที่มีอยู่เก่ามากแล้ว จึงทยอยต่อเพิ่มเติมไปเรื่อยเท่าที่มีงบประมาณและความจำเป็น ซึ่งงบประมาณในการต่อเรือฟริเกตรวมไปถึงเรื่องของระบบอาวุธด้วย ส่วนที่ตนบอกว่าไม่ทราบว่ามีการจัดซื้อนั้น เพราะอยู่รวมกับการต่อเรือฟริเกตอยู่แล้ว ส่วนตัวจำไม่ได้เพราะเป็นการซื้อตามระบบ หากมีเรือแล้วไม่มีอาวุธจะต่อมาทำไม จึงต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์ติดเรือโดยไม่ได้ใช้งบประมาณเพิ่มเติมแต่อย่างใดเพราะเป็นงบกระทรวงกลาโหมและกองทัพเรืออยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่มีหลายคนออกมาระบุว่า งบประมาณของประจำปีของกระทรวงกลาโหมปี 2561 เพิ่มขึ้น 2.2 แสนล้านบาทนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการเพิ่มไปตามลำดับแต่ละปี ซึ่งทุกกระทรวงก็เพิ่มเช่นเดียวกัน โดยมีสัดส่วนอยู่แล้วไม่ได้เกินสัดส่วนงบทั้งหมดของประเทศ ซึ่งน้อยกว่าสัดส่วนจริงๆ ด้วยซ้ำไป เพราะเห็นถึงความจำเป็นของภาคส่วนอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงการศึกษา งบสวัสดิการดูแลผู้สูงวัยและผู้พิการ ซึ่งเป็นงบประมาณส่วนใหญ่อยู่แล้ว รัฐบาลให้ความสำคัญทุกวัน ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถทิ้งความมั่นคงได้ เพราะความมั่นคงเป็นบ่อเกิดเสถียรภาพของภูมิภาค หากให้ตัดอันนั้น มาเพิ่มอันนี้แล้ววันข้างหน้าจะทำอย่างไรหากไม่มีของพวกนี้อยู่เลยจะอยู่อย่างไร
“ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปรบกับใคร ไม่ได้มุ่งหวังที่จะซื้ออาวุธไปรบ แต่ซื้อไว้เพื่อคุ้มครอง ทรัพยากรทางบก ทางทะเลของเรา ที่ยังมีความจำเป็นอยู่ใช่หรือไม่ เพราะรอบบ้านยังมีปัญหาอยู่ จึงต้องมีการเตรียมการในเรื่องดังกล่าวไว้ ที่สำคัญวันนี้ที่งบประมาณสูงขึ้นเพราะรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องเหล่านี้จึงชำรุด และใช้งานไม่ได้ ต้องเสียงบประมาณซ่อมจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องมีการจัดหาบ้างเท่าที่จำเป็นและทำได้ ส่วนหนึ่งเอาไว้ป้องกันตนเอง ฝึกร่วม รบร่วม หากมียุทโธปกรณ์สับปะรังเคไปฝึกกับเขาจะวิ่งตามคนอื่นทันหรือไม่ ขอให้คิดแบบนี้บ้าง” นายกฯ กล่าว