แมคโดนัลด์ เครือข่ายร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศปลดผู้บริหารสูงสุด ฐาน "ละเมิดนโยบายของบริษัท" อย่างร้ายแรง ด้วยการ "มีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว" กับพนักงานคนหนึ่งของบริษัท
แถลงการณ์ของบริษัทแมคโดนัลด์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ เมื่อวันอาทิตย์ ระบุว่า คณะกรรมการบริหาร มีมติเมื่อวันศุกร์ที่ 1 พ.ย. ผ่านมา ให้ปลด นายสตีฟ อีสเตอร์บรูค ออกจากตำแหน่งประธานบริษัท และประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ หลังตรวจสอบพบว่าอีสเตอร์บรูค วัย 52 ปี ชาวอังกฤษ แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง กับพนักงานคนหนึ่งของบริษัท แม้ทั้งคู่ยินยอมพร้อมใจ และอีสเตอร์บรูคหย่าร้างจากภรรยาเก่าเรียบร้อยแล้วก็ตาม
แถลงการณ์กล่าวอีกว่า อีสเตอร์บรูคแสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจที่แย่ บริษัทแม็คโดนัลด์มีกฏระเบียบเคร่งครัด ห้ามพนักงานระดับผู้บริหาร มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว กับพนักงานลูกน้อง ไม่ว่าจะโดยตรงหรือทางอ้อม
ข้อความทางอีเมลส่งถึงพนักงานบริษัท อีสเตอร์บรูค ซึ่งเข้ารับตำแหน่งซีอีโอตั้งแต่ปปี พ.ศ. 2558 ยอมรับว่า เขามีความสัมพันธ์กับพนักงานคนหนึ่งของแม็คโดนัลด์จริง ซึ่งถือเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ และเมื่อคำนึงถึงชื่อเสียงของบริษัท เขาเห็นด้วยกับมติของบอร์ดบริหาร ว่าถึงเวลาแล้วที่เขาต้องอำลา
บอร์ดบริหารประกาศแต่งตั้ง นายคริส เคมป์ซินสกี ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทแม็คโดนัลด์ ประจำสหรัฐอเมริกาเมื่อไม่นานมานี้ ให้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทและซีอีโอคนใหม่ แทนนายอีสเตอร์บรูค
บริษัทแมคโดนัลด์ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2483 โดยนายริชาร์ด และนายมอริส แมคโดนัลด์ 2 พี่น้องนักธุรกิจชาวอเมริกัน ปัจจุบันแม็คโดนัลด์มีสาขาประมาณ 38,000 แห่ง ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานกว่า 200,000 คน ส่วนรายได้สุทธิปีที่แล้ว อยู่ที่ 5,924 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 177,968 ล้านบาท.