ย้อนตำนาน “ฮาโลวีน” ความเชื่อระทึกขวัญของคนตะวันตก

2019-10-31 10:30:38

ย้อนตำนาน “ฮาโลวีน” ความเชื่อระทึกขวัญของคนตะวันตก

Advertisement

เวียนกลับมาให้ทุกท่านได้สัมผัส "ความตื่นเต้นระทึกขวัญ" กันอีกแล้ว สำหรับเทศกาล “ฮาโลวีน” วันปล่อยผีสุดหลอนตามความเชื่อของคนตะวันตก ซึ่งจะตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี โดยเมื่อวันแห่งประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมายาวนานวันนี้มาถึง เรามักจะเห็นผู้คนพากันแต่งกายในชุดภูติผีปิศาจ แต่งแต้มใบหน้าเป็นเอกลักษณ์สุดสะพรึงออกมาร่วมงานปาร์ตี้ยามค่ำคืนกันอย่างสนุกสนาน

สาเหตุที่วันฮาโลวีน ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปีนั้น มีความเชื่อกันว่า เป็นวันที่ชาวเคลต์ (Celt) ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอซ์แลนด์ ถือกันว่าเป็นวันสิ้นสุดปี เป็นวันที่มิติคนตายและมนุษย์จะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และวิญญาณผู้เสียชีวิตในปีที่ผ่านมาจะเที่ยวหาร่างของคนเพื่อสิงสู่ เพื่อที่จะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง จึงทำให้คนเป็นอย่างเรา ในวันฮาโลวีนจะต้องหาทางแก้ไขด้วยการปิดไฟในบ้านทุกดวงให้มืดมิด ร่วมกับอากาศที่หนาวซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนาของบรรดาผีร้าย อีกทั้งยังมีบางส่วนจะแต่งตัวเป็นผีต่างๆ เพื่อกลบเกลื่อนวิญญาณว่าไม่ใช่คนเป็นนั่นเอง

แต่เดิมเทศกาลฮาโลวีนจะจัดขึ้นในประเทศอังกฤษ ไอร์แลนด์ สกอตแลนด์ และประเทศข้างเคียงเท่านั้น แต่เมื่อชาวไอริช และชาวสกอต อพยพไปตั้งหลักแหล่งในสหรัฐอเมริกา ในช่วงทศวรรษที่ 1840 ก็นำเอาประเพณีนี้ไปปฏิบัติด้วย ปรากฏว่าถูกใจชาวอเมริกันทุกเชื้อชาติ จึงปฏิบัติตามกันอย่างจริงจังตลอดมา และตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ก็กลายเป็นเทศกาลประจำชาติมาจนถึงทุกวันนี้




กิจกรรมในวันฮาโลวีนที่นิยมจัดกันในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรปจะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน โดยเฉพาะกลุ่ม เด็กๆ ที่จะแต่งกายเป็นภูตผีปิศาจ ในรูปแบบต่างๆ และพากันออกไปร่วมงานฉลองวันฮาโลวีน โดยจะเรียกการเล่นนี้ว่า Trick of Treat (หลอกหรือเลี้ยง) ซึ่งเด็กๆ ที่แต่งตัวเป็นภูติผีปิศาจนั้นๆ จะเดินไปเคาะประตูตามบ้านต่างๆ เพื่อขอขนมที่นิยมจะเป็นลูกกวาด และอีกหนึ่งกิจกรรมในวันฮาโลวีน นอกจากเคาะประตูขอขนมตามบ้านต่างๆ แล้ว ยังมีการนำแอปเปิล กับเหรียญชนิดหกเพนซ์ใส่ลงในอ่างน้ำ หากใครสามารถแยกแยะของสองอย่างนี้ออกจากกันได้ด้วยการใช้ปากคาบเหรียญขึ้นมา และใช้ส้อมจิ้มแอปเปิลให้ติดเพียงครั้งเดียวได้ถือว่าผู้นั้นจะโชคดีตลอดปีใหม่ที่กำลังมาถึง

และอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่จะขาดเสียไม่ได้ในช่วงเทศกาลฮาโลวีนนี้ก็คือ การตกแต่งประดับประดาแสงไฟตามอาคารบ้านเรือน และการแกะสลักฟักทองเป็นโคมไฟเรียกว่า แจ๊ก-โอ'-แลนเทิร์น (jack-o'-lantern)



ตำนานที่เกี่ยวกับฟักทองนั้น เป็นตำนานพื้นบ้านของชาวไอริช กล่าวถึง แจ๊กจอมตืด ซึ่งเป็นนักเล่นกลขี้เมา วันหนึ่งเขาหลอกล่อปิศาจขึ้นไปบนต้นไม้และเขียนกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ ทำให้ปิศาจลงมาไม่ได้ จากนั้นเขาได้ทำข้อตกลงกับปิศาจ "ห้ามนำสิ่งไม่ดีมาหลอกล่อเขาอีก" แล้วเขาจะปล่อยปิศาจลงจากต้นไม้ เมื่อแจ๊กตายลง เขาปฏิเสธที่จะขึ้นสวรรค์ เพราะเขามีความคิดไปในทางของความชั่วร้าย ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธที่จะลงนรก เพราะเขาได้ทำข้อตกลงกับปิศาจไว้ ปิศาจจึงให้ถ่านที่กำลังคุแก่เขา เพื่อให้เขาใช้นำทางไปในทางที่มืดมิด และหนาวเย็น และแจ๊กได้นำถ่านนี้ใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอร์นิพที่ถูกเจาะให้กลวง เพื่อให้ไฟลุกโชติช่วงได้นานขึ้น

ชาวไอริชจึงแกะสลักหัวผักกาดเทอร์นิพ และใส่ไฟไว้ด้านใน อันเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน เพื่อระลึกถึง "การหยุดยั้งความชั่ว"  Trick or Treat เพื่อส่งผลบุญให้กับญาติผู้ล่วงลับ และพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญวันปีใหม่ แต่เมื่อมีการฉลองฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกันพบว่าฟักทองหาง่ายกว่าหัวผักกาดมาก จึงเปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทน