ผู้เสียหายแชร์แม่มณีร้องดีเอสไอดำเนินคดีอายัดทรัพย์มาคืน (คลิป)

2019-10-28 15:50:06

 ผู้เสียหายแชร์แม่มณีร้องดีเอสไอดำเนินคดีอายัดทรัพย์มาคืน (คลิป)

Advertisement

ผู้เสียหายแชร์แม่มณี ร้องทุกข์ดีเอสไอ ให้รับเป็นคดีพิเศษ พร้อมดำเนินคดี “แม่มณี” ติดตามยึดอายัดทรัพย์สินมาคืน

เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้เสียหายแชร์แม่มณี กว่า 100 คน รวมตัวนำเอกสารพยานหลักฐานเข้าร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้รับเป็นคดีพิเศษและดำเนินคดีกับ “แม่มณี” รวมถึงติดตามยึดอายัดทรัพย์สินมาคืนให้ผู้เสียหายซึ่งมีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท


นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ดีเอสไอ ระบุว่าในวันนี้จะรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นจากผู้เสียหายทั้งหมด เพื่อนำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุมพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ และเมื่อรับเป็นคดีพิเศษแล้วจะจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สอบปากคำผู้เสียหายในจังหวัดต่างๆ ที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก ทั้งนี้ผู้เสียหายในคดีนี้จะมี 2 กลุ่ม กลุ่มที่ออมเพียงอย่างเดียว และอีกกลุ่มคือกลุ่มที่มีการไปชักชวนสมาชิกคนอื่นต่อ ซึ่งกลุ่มนี้จะต้องพิจารณาว่ามีเจตนาหลอกลวงหรือไม่ หากมีการชักชวนผู้อื่นให้มาออมเงิน หลังจากที่วงแชร์ล่มไปแล้ว ก็ถือว่ามีเจตนาหลอกลวง ต้องถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกันทั้งนี้หลังจากเร่งสอบปากคำผู้เสียหายแล้ว ดีเอสไอก็จะออกหมายเรียกแม่มณีเข้าให้ปากคำ แต่หากเชื่อว่าบริสุทธิ์ ก็ขอให้มาตามหมายเรียก ทั้งนี้ดีเอสไอไม่หวั่นใจเรื่องที่มีกระแสข่าวว่าจะหลบหนีออกนอกประเทศ หรือมีการโยกย้ายถ่ายโอนทรัพย์สิน โดยจะดำเนินการออกหมายจับ และติดตามจับกุมจนกว่าคดีจะหมดอายุความ เช่นเดียวกับทรัพย์สิน ที่ดีเอสไอจะสืบทรัพย์อย่างเต็มที่ ใช้มาตรการภาษีมาบังคับใช้ เพื่อนำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหาย อย่างไรก็ตามการข่าวของดีเอสไอยังเชื่อว่าน่าจะยังอยู่ในประเทศไทย


ผู้เสียหายรายหนึ่ง เปิดเผยว่า การลงทุนเงินออมกับแม่มณี เพื่อหาเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาลและอุปกรณ์การแพทย์ให้กับลูกน้อยที่ป่วย ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ดูแลตัวเองไม่ได้ โดยตอนแรกที่ลูกป่วย แม่มณีก็ให้เงินช่วยเหลือมา 1,000 บาท ตนจึงตัดสินใจนำเงินนั้นมาออม เพราะเห็นว่าก็ไม่ได้เสียหายอะไร และครั้งนั้นก็ได้ดอกเบี้ยตอบแทนรวมเงินต้นกับมา 1,930 บาท คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 93 ต่อเดือน หลังจากนั้นตนเองจึงตัดสินใจเพิ่มยอดขึ้นเรื่อยๆ จนครั้งล่าสุดได้นำเงินทุนทั้งหมด รวมกับเงินที่ลูกได้รับช่วยเหลือจากมูลนิธิ รวม 30,000 บาท ไปออมกับแม่มณี หวังจะนำผลตอบแทนที่ได้รับทั้งหมดไปซื้อเครื่องช่วยหายใจใหม่ให้กับลูกน้อย แต่สุดท้ายกลับสูญเงินทั้งหมดไม่มีเหลือ ตอนนี้ต้องแบกรับค่ารักษาพยาบาลและอุปกรณ์ทางการแพทย์ของลูกอย่างยากลำบาก

ขณะที่ผู้เสียหายอีกคน ระบุว่า ที่หลงเชื่อเพราะดูเป็นคนดัง มีความน่าเชื่อถือ ที่ผ่านมาก็จ่ายเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตรงเวลามาโดยตลอด จึงเชื่อใจ ไม่คิดว่าจะถูกหลอก แต่หลังเกิดเรื่องการขาดการติดต่อไป เมื่อตรวจสอบข้อมูลก็พบว่าแม่มณีไม่ได้มีร้านทองตามที่กล่าวอ้าง แต่มีทำธุรกิจหลายอย่าง อย่างไรก็ตามบรรดาดารา เน็ตไอดอลที่ร่วมงานกับแม่มณีนั้น เพียงถูกนำมาแอบอ้างเท่านั้น ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงครั้งนี้ ส่วนกระแสข่าวลือว่าแม่มณีหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วหนั้น กลุ่มผู้เสียหายไม่ทราบ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของดีเอสไอในการดำเนินการ