โวย! หมอวินิจฉัยโรคผิด ทำลูกชายวัย 18 ดับ!

2019-10-27 12:35:31

โวย! หมอวินิจฉัยโรคผิด ทำลูกชายวัย 18 ดับ!

Advertisement

ญาติโวยหมอวินิจฉัยโรคผิด ให้ยาผิด แถมไม่เอาใจใส่ในการรักษาเป็นเหตุให้ลูกชายวัย18 เสียชีวิต

วันที่ 27 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการร้องเรียนกรณีนำลูกชายวัย 18 ปีเข้ารักษาอาการป่วยใน รพ. จนลูกชายเสียชีวิต ทั้งๆ ที่เป็นคนแข็งแรง ไม่เคยป่วย ก่อนลูกชายเสียชีวิตแพทย์ รพ.ประจำอำเภอบอกว่า ลูกป่วยด้วยโรคฉี่หนู มีการให้ยามากิน และฉีดยาซึ่งคิดว่า ลูกคงจะแพ้ยาจนเสียชีวิต ขณะที่ รพ.ประจำจังหวัดระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดจากเลือดออกในปอด

ทั้งนี้จากการพูดคุยกับนาย สมศึก กองสมบูรณ์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/4 ม.2 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง พร้อมครอบครัวและญาติพี่น้อง ซึ่งทางครอบครัวของนายสมศึก ได้ร่วมกันระบายถึงความรู้สึกพร้อมเล่าถึงเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียนายพงศกร กองสมบูรณ์ ลูกชายวัย 18 ปี นักเรียนชั้นมัธยมปลายว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา วันนั้นลูกชายมีอาการป่วย ตนเองพร้อมภรรยาและลูกสาวได้นำลูกชายเดินทางไปพบแพทย์ที่ รพ.ประจำอำเภอแห่งหนึ่ง หลังเข้าตรวจรับการรักษาหมอบอกว่า ลูกชายป่วยจากคออักเสบ จึงให้ยามากินแล้วเดินทางกลับบ้าน แต่อยู่ได้เพียง 2 ชั่วโมงเศษ อาการลูกชายหนักขึ้นมีเลือดออกทางปากและจมูก จึงรีบนำตัวส่ง รพ.อีกครั้ง




ซึ่งในครั้งนี้แพทย์บอกว่าอาจจะแพ้ยา จึงทำการฉีดยาตัวใหม่จำนวน 4 เข็ม ลูกชายทำท่าอาการจะดีขึ้นเมื่อผ่านไปสักเกือบ 3 ชั่วโมง แต่หลังจากนั้นอาการก็ทรุดหนักมีเลือดออกมาทางปากและจมูกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หนักจนต้องทำการปั้มหัวใจ ทางพ่อและครอบครัวเห็นว่าอาการลูกชายหนักแล้ว จึงขอให้หมอผู้รักษาทำการส่งตัวต่อไปยัง รพ.ระนอง ซึ่งเป็น รพ.ประจำจังหวัด ซึ่งน่าจะมีเครื่องมือที่พร้อมกว่า มีแพทย์จำนวนมากกว่าที่จะทำการรักษา แต่ทาง รพ. กลับไม่อนุญาตให้ส่งต่อ บอกเพียงให้นอนรอดูอาการ โดยไม่ใส่ใจที่จะรักษาลูกชายต่อ จนสุดท้ายลูกชายต้องเข้าทำการปั้มหัวใจอีกหลายครั้ง หมอผู้รักษาจึงยอมให้มีการส่งตัวมาที่ รพ.ระนอง เพื่อทำการรักษา โดยบอกว่า ลูกชายมีการป่วยด้วยโรคฉี่หนู ซึ่งผิดกับช่วงเช้าที่บอกว่าป่วยด้วยโรคคออักเสบ ทั้งกินยาทั้งฉีดยาจนลูกอาการหนักแล้วยังไม่ส่งต่อให้นอนดูอาการ พอจะทำการส่งต่อ นำร่างลูกชายขึ้นรถเข็นไม่ทันขึ้นรถโรงพยาบาลลูกชายก็สิ้นใจ เมื่อมาถึง รพ.ระนอง ซึ่งมีเครื่องมือและแพทย์มากกว่าได้ตรวจสอบลูกชายอย่างละเอียด พร้อมระบุสาเหตุการเสียชีวิตมาจากเลือดออกในปอด มาทำการรักษาไม่ทันจึงเสียชีวิต

เรื่องดังกล่าวตนเองและครอบครัวไม่ได้อยากจะเอาเรื่อง รพ. หรือแพทย์ที่ทำการรักษา เพียงแต่อยากให้เรื่องนี้ได้เป็นอุทาหรณ์สำหรับหมอ ที่จะรักษาคนไข้ให้ช่วยใส่ใจคนไข้ หากรักษาไม่ได้ควรทำการส่งต่อไปยัง รพ.ที่ใหญ่กว่ามีความพร้อมกว่า ซึ่งระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเศษ ๆหากหมออนุญาตให้ส่งต่อไปยัง รพ.ใหญ่ ลูกตนเองอาจจะไม่เสียชีวิต เพราะแพทย์ทราบสาเหตุที่ลูกป่วยด้วยเครื่องมือที่ดีกว่า หมอที่อาจจะมีความเข้าใจมากกว่า อยากให้กรณีของลูกชายเป็นกรณีตัวอย่าง ไม่ให้เกิดกับลูกหรือครอบครัวของใครอีก