เผดิมชัย กลับคืนสภาฯ "บ้านใหญ่" ใช่ "ใหญ่" แค่ชื่อบ้าน

2019-10-25 12:15:32

เผดิมชัย กลับคืนสภาฯ "บ้านใหญ่" ใช่ "ใหญ่" แค่ชื่อบ้าน

Advertisement

สำหรับคนทั่วไป หรือคอการเมืองรุ่นใหม่ อาจงุนงงสงสัยกับเลือกตั้งใหม่ นครปฐมเขต 5


ผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ แพ้ราบคาบให้กับ เผดิมชัย สะสมทรัพย์ ผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งในการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 เข้าป้ายอันดับ 4 ได้คะแนนเพียง 1 หมื่น 2 พันคะแนน

แต่สำหรับคอการเมืองรุ่นเก๋าหรือพันธุ์แท้ จะไม่แปลกใจหรือเห็นว่าเป็นเรื่อง "พลิกล็อค" เพราะคนอย่างเผดิมชัย ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ

เขาเป็น "พี่ใหญ่" ของ 4 หนุ่ม(ใหญ่) แห่งตระกูลสะสมทรัพย์ คือ เผดิมชัย -ไชยยศ -ไชยา และอนุชา สะสมทรัพย์

ที่สำคัญเป็น "บ้านใหญ่นครปฐม" ผูกขาดการเป็น ส.ส.มาตั้งแต่ปี 2529 หลังจากไชยยศ สะสมทรัพย์ พี่รองในสังกัดพรรคก้าวหน้า ได้เป็น ส.ส.คนแรกของตระกูล ต่อมาปี 2531 พี่ใหญ่ เผดิมชัย ลงสมัคร ส.ส.ด้วยอีกคน และได้รับเลือกคู่กับไชยยศ ส่วนนายไชยา ลงสมัครและได้เป็น ส.ส.สมัยแรก ปี 2538 ในสังกัดพรรคเอกภาพ จากนั้น ปี 2550 อนุชา น้องคนสุดท้อง ลงสมัครและได้ เป็น ส.ส. ครั้งแรก สังกัดพรรคพลังประชาชน

เรียกได้ว่า แม้บางครั้งคนใดคนหนึ่งจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่ก็ยังมีพี่น้องคนอื่นเข้าไปเป็น ส.ส.แทน ชนิดไม่มีเว้นวรรค

เป็นนักการเมืองประเภท "ใจถึงพึ่งได้" เป็นเสมือนศูนย์รวมของกลุ่มการเมืองท้องถิ่นและกลุ่มธุรกิจในจังหวัด ตระกูล "สะสมทรัพย" มีกิจการมากมายหลายประเภท อาทิ รถบรรทุก ค้าวัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ โรงสีข้าว กิจการกำจัดขยะที่ส่วนหนึ่งชนะจ้างขนจาก กทม. ล่าสุด ยังเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟหรูระดับโลก นิกันติ กอล์ฟคลับ ซึ่งเคยรองรับการออกรอบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และก๊วนกอล์ฟมาแล้ว

(ภาพจาก แนวหน้า)

หลังรัฐประหาร 2557 นครปฐมเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่ตกเป็นเป้าหมายตามนโยบายกวาดล้างมาเฟียและผู้มีอิทธิพลของรัฐบาล ทำให้ในปี 2558 และ 2559 บ้านนักการเมืองตระกูลสะสมทรัพย์ และเครือข่าย ถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นหลายครั้ง จึงอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลุ่ม "บ้านใหญ่" ไม่ยอมย้ายไปพรรคพลังประชารัฐ แต่เลือกไปอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนาแทน

เฉพาะเผดิมชัยเป็น ส.ส.มาแล้ว 7 สมัย ครั้งนี้หากไม่มีอะไรพลิกผัน จะเป็น ส.ส.สมัยที่ 8 ในวัย 70 ปี เขาเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคม สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ปี 2540 และเป็นอดีตรัฐมนตรีแรงงาน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปี 2554

หลังโค่นผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่ได้สำเร็จ ถือเป็นทั้งการ "ล้างตา" แก้มือจากที่แพ้ยับครั้งก่อนแล้ว ยังเป็นการกลับมาทำหน้าที่ ส.ส.นครปฐมได้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากชูยุทธศาสตร์ "ครอบครัวนครปฐม" เป็นจุดขาย

เผดิมชัยปรับวิธีหาเสียงแบบใหม่ ไม่เปิดเวทีปราศรัยเหมือนคู่แข่ง ปชป. และ อนค. ที่ต่างระดมแกนนำพรรคไปขึ้นเวทีหาเสียงให้ แต่ใช้วิธีเดินเคาะประตูบ้านทีละหลัง เพื่อ "ขอโอกาสอีกสักครั้ง" จนได้รับชัยชนะ ชนิดที่เจ้าตัวถึงขั้นต้องน้ำตาซึม


"พี่ใหญ่สะสมทรัพย์" ยังขอบคุณพรรคพลังประชารัฐ ที่ไม่ส่งผู้ลงสมัครลงชิงชัยด้วย ทำให้คะแนนกว่า 1 หมื่น 8 พันที่ ดร.ระวัง เนตรโพธิ์แก้ว ที่เคยได้ น่าจะเทไปให้กับเผดิมชัย ขณะที่คะแนนอีกส่วนหนึ่งน่าจะสวิงจากพรรคอนาคตใหม่ ไปให้กับเขาด้วย

เพราะยุทธศาสตร์ แสดงพลัง "สั่งสอน พล.อ.ประยุทธ์จากเวทีเลือกตั้งนครปฐม" ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค. ใช้ไม่ได้ผล ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวันเลือกตั้งไม่ใช่วันอาทิตย์ ผู้ใช้แรงงานในโรงงานเสียดายค่าแรง 2 เท่ามากกว่าจะไปเลือกตั้ง ขณะที่บริบททางการเมือง ระหว่าง 24 มีนาคม กับ 23 ตุลาคม ก็แตกต่างกัน ผู้นำรัฐบาล ได้แสดงความมุ่งมั่นจะทำงานแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ยังรุมเร้ารอบด้านอย่างแน่วแน่

อานิสงส์ จึงไปตกที่เผดิมชัยแบบเต็มๆ ส่วนธนาธรและอนาคตใหม่ ต้องกลับไปซดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำอีกต่อไป

เผลอๆ อาจเป็นสัญญาณถดถอยระยะยาวอีกต่างหาก