“นิรามาน”ไขก๊อกกรรมการ อนค. รับไม่ได้โหวตสวน พ.ร.ก.

2019-10-22 10:30:36

“นิรามาน”ไขก๊อกกรรมการ อนค. รับไม่ได้โหวตสวน พ.ร.ก.

Advertisement

"นิรามาน สุไลมาน" ส่งหนังสือถึง "ธนาธร" ขอลาออกจากกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ชี้พรรคโหวตค้าน พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังสวนทางความเห็นส่วนใหญ่ให้งดออกเสียงจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ 

เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิรามาน สุไลมาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่(อนค.)ได้ทำหนังสือ แจ้งไปยังหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เรื่องขอลาออกจากกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ลงวันที่ 19 ต.ค. โดยระบุว่า ตามที่ที่ประชุมใหญ่ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เมื่อ 27 พ.ค. 2561 ณ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต พี่น้องสมาชิกชาวอนาคตใหม่ ได้มีมติเลือกผมให้เป็นกรรมการบริหารพรรค (ตำแหน่งสัดส่วนที่ประชุมใหญ) ซึ่งถือว่าเพื่อนสมาชิก ได้ให้เกียรติเลือกผมเข้ามาเพื่อทำหน้าที่สำคัญทางการเมืองในนามพรรค ด้วยความเชื่อมั่นในแนวทางและอุดมการณ์ของพรรค ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนชาวไทย ตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งตลอดมาผมได้ทุ่มเทการทำงานร่วมกับพี่น้องทุกคนในพรรคอย่างสุดกำลังความสามารถ เพื่อสานฝันของพรรคอนาคตใหม่ให้เป็นความจริง

การประชุมส.ส. ในวันที่ 17 ต.ค. 2562 มีวาระการลงมติร่าง พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบกกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ. 2562 นั้น ผมมีความเห็นต่างต่อเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุม ส.ส.จำนวน 69 คน(เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2562) ซึ่งมีมติคัดค้าน 2:1= 47 คน(ไม่รับ) และให้งดออกเสียง 21 คน ส่วนเลขาธิการพรรคซึ่งดำเนินการประชุมขอใช้สิทธิงดออกเสียง ซึ่งผมมองว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นอ่อนไหว ที่อาจส่งผลกระทบ(ที่รุนแรง) ต่อพรรคในอนาคตได้ จึงเลือกใช้แนวทางที่ผมเชื่อมั่นว่าดีที่สุดคือ การงดออกเสียง และแนวทางดังกล่าวก็สอดรับกับเสียงส่วนใหญ่ของการประชุมหารือของคณะกรรมการบริหารพรรคเมื่อค่ำวันที่ 8 ต.ค. 2562 และก็เป็นทางออก ที่เลขาธิการพรรคได้เปิดช่องเอาไว้ หากสมาชิกท่านใดรู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายใจ ท้ายที่สุด ผลการลงมติของ ส.ส. พรรคในประเด็นดังกล่าว ก็ผิดไปจากความเห็นส่วนใหญ่ของคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องที่ผมไม่อาจจะยอมรับได้ และภายหลังที่ผมได้แสดงจุดยืนทางการเมืองคือการเลือกปฏิบัติตามคำแนะนำที่จะไม่เข้าไปใช้สิทธิออกเสียงในประเด็นดังกล่าวนี้ ก็ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ซึ่งโดยสัญชาติญาณของนักสู้เพื่อความถูกต้องและเป็นธรรม ผมไม่เคยหวั่นไหวต่อความเห็นในทางลบใด ๆ เพราะเมื่อเราก้าวมาเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว สังคมย่อมมีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได แต่เมื่อมองผลกระทบที่อาจมีต่อพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคที่เป็นความหวังและความฝันสุดท้ายของประชาชน ผมเกรงว่าประเด็นของผม อาจเป็นชนวนแพร่ขยายความไม่เข้าใจระหว่างพี่น้องสมาชิกพรรคอนาคตใหม่มากขึ้น

ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของพรรคเรา ในฐานะกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ ผมจึงขอแสดงความรับผิดชอบลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. 2562 นี้ เป็นต้นไป เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานการทำงานต่อไป