พระภิกษุเครียดคลั่งใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้คอตัวเองบนรถทัวร์ ตำรวจวุ่นเกลี้ยกล่อมนาน 3 ชั่วโมง ก่อนล็อคตัวสอบสวนหาสาเหตุ
เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ทางด้าน พ.ต.อ. รัชพล เสริมศรัณย์ ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ รับแจ้งจาก 191 สถานีตำรวจภูธร จ.ชัยภูมิ ว่ามีพระภิกษุใช้มีดจี้คอตัวเองบนรถทัวร์ สถานที่เกิดเหตุภายในสถานีขนส่งชัยภูมิแห่งที่ 1 ถ.ชัยประสิทธิ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ จึงสั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ รุดไปตรวจที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบรถทัวร์ป้ายทะเบียน 10-2524 หมวดจังหวัดชัยภูมิ เขียนข้างรถสาย กรุงเทพ - ชัยภูมิ 28-2 ม 4 W จอดอยู่กลางชานชลา โดยมีชาวบ้านและคนขับรถทัวร์วิ่งมาบอกว่ามีพระใช้มีดจี้คอตัวเองอยู่บริเวณที่นั่งชั้น 2 ด้านหน้าของตัวรถ จึงขึ้นไปตรวจสอบ พบพระภิกษุทราบต่อมาชื่อ พระทองไสย์ โพธิ์สลิต อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ตามบัตรประชาชน บ้านเลขที่ 188 หมู่ที่ 9 ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี กำลังใช้มีดปลายแหลม ยาวประมาณ 5 นิ้ว เป็นอาวุธจี้ที่คอตัวเอง พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ ขับรถทัวร์คันดังกล่าวให้พาไปส่งที่วัด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ความพยายามพูดคุยและเกลี่ยกล่อม ขอให้พระทองไสย์ โพธิ์สลิต อายุ 48 ปีได้พูดคุยกันด้วยความสงบอยู่นานกว่า 3 ชั่วโมง แต่ไม่เป็นผล ด.ต.สมมาศ เกตุหินตั้ง หน.ชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบ ได้เข้าพูดคุยเกลี้ยกล่อมและสบโอกาส จึงเข้าชาร์จล็อกตัวพระทองไสย์ โพธิ์สลิต เอาไว้ได้ ก่อนที่จะควบคุมพระภิกษุรูปดังกล่าว พร้อมกับเก็บมีดของกลางไว้ได้ จากนั้นนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองชัยภูมิ
จากการสอบสวน พระทองไสย์ โพธิ์สลิต เล่าว่าตนได้บวชมาแล้ว 7 พรรษา เดิมจะอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี ต่อมาทางด้านญาติโยมได้ไปเชิญมาทอดกฐินที่วัดบ้านโพธิ์ทอง หมู่ที่ 12 ต.บ้านเล่า อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ตนจึงเดินทางมาบนรถทัวร์สายดังกล่าว พอมาถึงชานชาลาที่ จ.ชัยภูมิ ตนจึงพบว่ายังไม่ถึงวัดที่จะมาทอดกฐิน จึงเกิดอาการเครียดกลัวว่าจะไปไม่ถึงที่หมายจึงบอกให้คนขับได้ขับรถไปส่งที่วัดดังกล่าวแต่ไม่ได้รับการตอบสนองจึงเกิดอาการเครียดและได้ชักมีดปลายแหลม ที่พกมาในย่ามออกมาจี้ที่บริเวณลำคอของตัวเองก่อนที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวได้ดังกล่าว
ต่อมาทางด้าน พ.ต.อ. รัชพล เสริมศรัณย์ ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ ได้เข้าสอบถามและทำการสอบสวนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวพบว่าพระภิกษุรูปดังกล่าวมีอาการคล้ายคนป่วยโรคเครียด ก่อนที่จะมอบให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจหาสารเสพติดแต่ก็ไม่พบ ก่อนที่จะทำการสอบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป