ชื่อ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ หรือ บิ๊กแดง หรือ แม่ทัพแดง ที่เรียกขานกัน วันนี้ยังคงเป็นบุคคลที่ผู้คนพูดถึงมากที่สุด หลังไปบรรยายพิเศษหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” ที่หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน
ด้วยเนื้อหาและถ้อยคำบรรยายายนานกว่าหนึ่งชั่วโมงวันนั้น ก่อให้เกิดปฏิกริยาและความเห็นที่หลากหลายตามมาบนหน้าสื่อหลักและสื่อโซเชียล สะท้อนให้ให้เห็นความแปลกแยกภายในประเทศไทยที่เกาะสุมกันมาตั้งแต่ปี 2549 ยังไม่ย่อยสลาย แบ่งเป็น 2 ฝัก 2 ฝ่ายอย่างชัดเจนและยังจีรัง
ด้านหนึ่งเห็นสอดคล้อง ความมั่นคงในประเทศเป็นหัวใจหลัก จะแย่งแยกประเทศฝ่าฝืนมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญไม่ได้ และนักการเมืองไม่ควรชักศึกเข้าบ้าน
ส่วนอีกด้านหนึ่ง เห็นต่างออกไป ไม่เห็นควรพูดในสิ่งที่ทำให้ผู้คนแตกแยก กองทัพควรต้องวางตัวเป็นกลาง เพราะการเมืองเป็นเรื่องของรัฐบาลและฝ่ายค้านที่มีครรลองการตรวจสอบอยู่ คำพูดที่เป็นเสมือนสุมไฟใส่ขอน ทำให้ถดถอยกลับคืนสู่ความขัดแย้ง ราวกับนั่งไทม์แมชชีนย้อนหลังกลับไป
เป็นประเด็นที่ฝ่ายสนับสนุนและคัดค้าน ออกโรงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง โดยมี ”ติ่ง” หรือกองเชียร์แต่ละฝ่าย ใส่ความเห็นแบบจัดหนักไม่บันยะบันยัง ทำหน้าที่เป็นลูกคู่
พล.อ.อภิรัชต์ เป็นบุตรชายของ “บิ๊กจ๊อด” พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ บุรุษเสื้อคับที่เคยมีบทบาทในกองทัพไม่น้อยไปกว่า “บิ๊กแดง” บารมีสูง เคยเป็นอดีต ผบ.สูงสุด และที่สำคัญ เป็นอดีตหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช. ที่ทำการรัฐประหาร รัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ในปี 2534
เป็นเพื่อนร่วมรุ่น จปร. 1 กับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ มีคติประจำใจ “ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน” ความเป็นผู้เปี่ยมบารมีของ “บิ๊กจ๊อด” มีสัมพันธภาพที่หลากหลายกับผู้คนหลากหลายวงการ รวมทั้งการเมืองและธุรกิจ คำพูดประโยคที่ว่า “ถ้าไม่มีพี่ชายผมคนนี้ ก็ไม่มีวันนี้“ ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งยังเป็นเจ้าของบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมมูนิเคชั่นส์ จำกัด ในวันที่ยิงดาวเทียมไทยคมขึ้นวงโคจรครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2536 เป็นหนึ่งในสิ่งที่ยืนยันเรื่องนี้ได้ดี
แต่ในทางกลับกัน คำพูดประโยคนี้ และภาพยืนยิ้มแฉ่งกุมเป้า ระหว่าง ”บิ๊กจ๊อด” ใช้มือข้างหนึ่งโอบคอนายทักษิณ มักถูกนำมาใช้เผยแพร่เสมอๆ หากหวังจะวิพากษ์ ”บิ๊กจ๊อด” ในอีกด้านหนึ่ง โดยเฉพาะสายสัมพันธ์กับนายทักษิณ และนักการเมืองในเครือข่ายตระกูลชินวัตร
ส่วนคนลูก “บิ๊กแดง” นอกจากเป็นผู้บัญชาการทหารบก หรือ ผบ.ทบ. คนปัจจุบันแล้ว ยังเป็นรองผู้อำนวยการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. เป็นผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 และอีกหลายตำแหน่งๆ
พล.อ.อภิรัชต์ เป็น ตท.20 และ จปร.รุ่น 31 เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในปี 2553 พลเอก อภิรัชต์ ขณะนั้น เป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักและเป็นที่ตั้งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ได้เป็นผู้นำกำลังทหารไปปฏิบัติการยึดคืนสถานีบริการภาคพื้นดินไทยคม อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ที่ถูกยึดครองกลุ่มแนวร่วม นปช. แม้จะไม่สำเร็จ แต่เป็นผู้นำทหารกลุ่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ 28 คนบนดาดฟ้าของสถานี
(ภาพประกอบจาก มติชนสุดสัปดาห์)
“บิ๊กแดง” เป็นนายทหารที่มีจุดยืนชัดเจน ปกปักษ์ผู้บังคับบัญชา ชาติ ศาสนา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นนายทหารที่ปฏิเสธ นปช. มาโดยตลอด ต่อต้านการแบ่งแยกประเทศชาติ คัดค้านความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 และไม่เอานักธุรกิจการเมือง หรือนักวิชาการฝักใฝ่ระบอบคอมนิวนิสต์ ถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศ
เป็นผู้นำกองทัพ ที่เคยแนะนำให้นักการเมืองให้ฟังเพลง “หนักแผ่นดิน” ซึ่งเป็นเพลงปลุกใจสมัยคอมมิวนิสต์พยายามคุกคามประเทศ และเพลง ”กิเลสมนุษย์” ของนายธานินทร์ อินทรเทพ นักร้องดังอมตะนิรันดร์กาล ที่มีเนื้อเพลง รวยจนก็เป็นคนเหมือนกัน ทำชั่วหรือทำดี ส่อไปถึงวงศ์ตระกูล และกิเลสของคน หากไม่รู้จักระงับยับยั่งใจ เหล็กเพชรที่ว่าแกร่งยังแพ้ให้กับเงิน
วันนี้ ชื่อของ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกคำรบหนึ่ง ท่ามกลางความร้อนแรงของทั้ง 2 ฝ่ายที่เปิดฉากปะทะคารมและความคิดทางการเมืองใส่กันไฟแล่บ
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก : บิ้กแดงแฟนเพจ