ประชาชนชาวญี่ปุ่นมากกว่า 110,000 คน ออกมาร่วมแรงร่วมใจ ในการค้นหาและกู้ภัย หลังไต้ฝุ่นกำลังแรง ฮากีบิส พัดถล่มหลายพื้นที่ของญี่ปุ่นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยไต้ฝุ่นฮากีบิส ซึ่งเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดที่พัดถล่มญี่ปุ่นในรอบ 60 ปี ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 37 คน และสูญหาย 20 คน
ไต้ฝุ่นฮากีบิส อ่อนกำลังลงและเคลื่อนตัวออกจากแผ่นดินใหญ่ลงสู่ทะเล เหลือทิ้งไว้แต่ร่องรอยความเสียหายในวงกว้าง ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ, พนักงานดับเพลิง, หน่วยยามฝั่งและทหารเกือบ 30,000 นาย ถูกส่งไปให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมและดินถล่ม หลังไต้ฝุ่นฮากีบิสพัดถล่มพื้นที่ 8 จังหวัดทั่วญี่ปุ่น ด้วยกำลังแรง 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เฉพาะในจังหวัดนากาโนะ ภาคกลางของประเทศ กลุ่มเจ้าหน้าที่กู้ภัย ซึ่งสวมชุดดำน้ำ เริ่มค้นหาผู้รอดชีวิตในพื้นที่ที่มีระดับน้ำสูงถึงเอว ส่วนศูนย์จอดและซ่อมบำรุงรถไฟหัวกระสุน ก็ถูกน้ำท่วมด้วย รถไฟหัวกระสุน 10 ขบวนจมอยู่ใต้น้ำ แต่ละขบวนมีมูลค่าสูงถึง 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 900 ล้านบาท และในเมืองนี้ เขื่อนกั้นน้ำของแม่น้ำชิกุมะ ก็ถูกกระแสน้ำซัดพัง ทำให้มวลน้ำมหาศาลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนหลายแห่ง
สำนักนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น แถลงว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะมุ่งเน้นไปที่บ้านเรือนผู้ประสบภัยที่อยู่ห่างไกล และค้นหาผู้ที่ยังไม่ทราบชะตากรรม
แม้ว่าไต้ฝุ่นฮากีบิส จะเคลื่อนตัวออกสู่ทะเลไปแล้ว แต่ยังมีประชาชนอีกประมาณ 92,000 ครัวเรือน ไม่มีไฟฟ้าใช้ ลดลงจาก 262,000 ครัวเรือนเมื่อวันอาทิตย์ นอกจากนี้ ประชาชนอีกกว่า 7 ล้านคนถูกเรียกร้องให้อพยพออกจากบ้านเรือนในช่วงที่พายุเข้า แต่ก็เชื่อว่ามีเพียง 50,000 คนเท่านั้นที่อพยพไปอยู่ในศูนย์พักพิงของทางการ
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนที่แล้ว ไต้ฝุ่นฟ้าใส เพิ่งพัดถล่มหลายพื้นที่ของญี่ปุ่น มีบ้านเรือนประชาชน 30,000 หลัง ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการซ่อมแซม
ด้านสำนักข่าวเอ็นเอชเคของญี่ปุ่นรายงานว่า เกิดเหตุสลด เมื่อหญิงสูงวัย อายุ 77 ปี ต้องเสียชีวิตหลังจากพลัดตกจากเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยลำหนึ่ง ขณะเจ้าหน้าที่ใช้เฮลิคอปเตอร์ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากฮากีบิส โดยหญิงชราผู้โชคร้ายรายนี้ ตกจากเฮลิคอปเตอร์ในระดับความสูงประมาณ 40 เมตร ลงสู่พื้นระหว่างเฮลิคอปเตอร์ยกเธอขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นอุบัติเหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น