"หมวดเจี๊ยบ" ซัด "บิ๊กตู่" ถ้าไม่กล้าดำเนินการกับ ผบ.ทบ. วางตัวไม่เหมาะสม สมควรต้องลาออกไปทั้งจากตำแหน่ง นายกฯ และ รมว.กลาโหม
เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.)กล่าวว่า การแทรกแซงทางทางเมืองครั้งล่าสุดของพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ คือเครื่องบ่งชี้ว่า กลไกการรัฐประหาร 57 ยังทำหน้าที่ของมันอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้ง ๆ ที่มีรัฐบาลจากการเลือกตั้งแล้ว แสดงว่าในสายตาของขบวนการยึดอำนาจ คงมองการเลือกตั้งเป็นแค่พิธีกรรมเพื่อให้ต่างชาติยอมรับการปกครองโดยคณะทหารเท่านั้น ถึงได้ออกมาแทรกแซงทางการเมืองอยู่เรื่อย ๆ โดยบางครั้งก็หนักข้อถึงขั้นยอมรับกับสื่อต่างชาติว่ายังมีความคิดเรื่องยึดอำนาจด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่ สุ่มเสียงต่อความผิดฐานเป็นกบฏตามมาตรา 113 สะท้อนว่าท่านไม่ได้เกรงกลัวกฎหมายเลย
ร.ท.หญิง กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พฤติกรรมของ พล.อ.อภิรัชต์ ยังส่งผลเสียหายต่อบรรยากาศการลงทุนในประเทศด้วย เพราะสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ต่างชาติไม่กล้านำเงินเข้ามาลงทุนในไทย ก็เพราะมีความกังวลที่เห็นกองทัพแทรกแซงการเมืองบ่อย ๆ จึงทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในความต่อเนื่องของนโยบายทางเศรษฐกิจของไทย หากเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งถ้าครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีใด ๆ ทั้ง ๆ ที่ ผู้บัญชาการทหารบกวางตัวไม่เหมาะสมอย่างโจ่งแจ้งมาหลายครั้งแล้วจนถูกวิจารณ์ไปทั่วโลก ก็ไม่มีประโยชน์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป แต่ พล.อ.ประยุทธ์ สมควรต้องลาออกไปทั้งจาก ตำแหน่ง นายกฯ และ รมว.กลาโหม อย่าอยู่เป็นหัวหลักหัวตออีกต่อไปเลย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ พล.อ.อภิรัชต์แทรกแซงการเมืองและวางตัวไม่เหมาะสม ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (พ.ศ. 2534) มาตรา 11 (4) โดยสั่งการให้ พล.อ.อภิรัชต์ มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี หรือจะพิจารณางดบำเหน็จ ผบ.ทบ. ก็ย่อมทำได้ ขึ้นอยู่กับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะทำหรือไม่เท่านั้น ที่สำคัญ หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ก็แสดงว่าท่านรู้กันกับกองทัพ และแสดงว่า รัฐบาลนี้เป็นเพียงคณะรัฐประหารซ่อนรูปเท่านั้น ไม่สมควรเรียกตัวเองว่าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยอีกต่อไป